สหรัฐฯ ชี้จีนคุมค่าเงินหยวนได้เปรียบการค้า
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. กระทรวงการคลังระบุว่าจีนควบคุมค่าเงินหยวน เป็นความเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ที่ทำเนียบขาวไม่เคยประกาศเช่นนี้มานานมากนับตั้งแต่รัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน
“ รมว.มนูชิน ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ตัดสินว่า จีนคือผู้ควบคุมค่าเงินหยวน” กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง “ และผลจากการตัดสินใจนี้ รมว.มนูชินจะปฏิบัติตามข้อผูกพันกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่จะขจัดความได้เปรียบในการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมที่เกิดจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของจีน”
ถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการ ( ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันในปี 2537) มีขึ้นหลังจากจีนปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุด
“ในช่วงเวลาปัจจุบัน จีนมีมาตรการชัดเจนที่จะลดค่าเงินหยวน ขณะที่ยังคงทุนสำรองระหว่างประเทศไว้ได้ เป็นเหมือนเครื่องมือที่เคยใช้ในอดีต” กระทรวงการคลังระบุ
“บริบทของความเคลื่อนไหวเหล่านี้และความไม่น่าเชื่อถือของเสถียรภาพตลาดจีนยืนยันว่าจุดประสงค์ของการลดค่าเงินหยวนคือเพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขันในการค้าระหว่างประเทศ”
โดยค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา
“ผมคิดว่าคนจำนวนมากในภาคเอกชนอาจไม่คิดว่านี่เป็นการควบคุมค่าเงิน ที่สำคัญคือไม่ใช่การแทรกแซงอย่างสม่ำเสมอ เพื่ออ่อนค่าเงินหยวน ดังนั้นภาคเอกชน อย่างนักเศรษศาสตร์และนักกลยุทธ์อาจไม่คิดเช่นนั้น” มาร์ก แชนด์เลอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดประจำ Bannockburn ระบุ
“ นี่เป็นอีกก้าวหนึ่งในสงครามสกุลเงิน” เขาเสริม “ นี่ทำให้สงครามการค้ายากขึ้น อาจเป็นได้ทั้งสองฝ่าย รีพับลิกันและเดโมแครตคิดว่า จีนกำลังได้เปรียบเรา”
ประธานาธฺบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้ทวิตเตอร์แสดงความคิดเห็นของเขา โดยกล่าวหาว่าจีนควบคุมค่าเงินหยวนเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างทั้งสองประเทศยกระดับขึ้น
“จีนลดค่าเงินลงมาเกือบต่ำสุดในประวัติศาสตร์” ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ “ นี่เรียกว่าการควบคุมค่าเงิน คุณฟังธนาคารกลางหรือเปล่า ? นี่เป็นการละเมิดครั้งสำคัญ จะทำให้จีนอ่อนแอลงอย่างช้าๆ ! ”
ทั้งนี้ ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ในสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐฯจะขึ้นภาษีเพิ่มเติมอีก 10% มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้านำเข้าจากจีน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.