โบอิ้งขาดทุนมากสุดในรอบ 10 ปี
(รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 24 ก.ค.บริษัทโบอิ้งรายงานการขาดทุนประจำไตรมาสเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 93,090 ล้านบาท ) นับเป็นการขาดทุนมากที่สุดในรอบทศวรรษของบริษัทจากปัญหาที่เครื่องบินรุ่นที่ขายดีที่สุดอย่าง 737 Max ถูกระงับทำการบิน ส่งผลให้ราคาหุ้นตกลงเล็กน้อย
บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้งที่มีสำนักงานใหญ่ในนครชิคาโกไม่สามารถจัดส่งเครื่องบินรุ่น 737 Max ได้ หลังจากเครื่องบินรุ่นนี้ต้องถูกระงับทำการบินจากสายการบินทั่วโลกในเดือนมี.ค. เพราะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิตถึง 2 ครั้งในรอบ 5 เดือน ในอินโดนีเซียและเอธิโอเปีย
โดยมูลค่าความเสียหายจากวิกฤต 737 Max ในตอนนี้สูงถึง 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 248,240 ล้านบาท ) หลังจากโบอิ้งเปิดเผยในสัปดาห์ก่อนว่า บริษัทต้องรับผิดชอบความเสียหายถึง 4,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 152,047 ล้านบาท) รวมถึงค่าชดเชยที่บริษัทต้องจ่ายให้กับสายการบินที่ทำให้การส่งมอบเครื่องบินล่าช้า
ทั้งนี้ ตัวเลขการขาดทุนในไตรมาส 2 ถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ที่สุดของโบอิ้งในรอบ 10 ปี
โบอิ้งเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นในเครื่องบินรุ่นที่เคยได้รับความนิยมมากที่สุด และให้คำมั่นที่จะกำจัดความเสี่ยงด้วยการปรับปรุงซอฟท์แวร์ที่ทำงานผิดพลาดให้แม่นยำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงทั้งสองครั้ง และมีแรงกดดันในการโน้มน้าวสายการบินที่ใช้เครื่องบินรุ่น 737 Max และหน่วยงานที่กำกับดูแลทั่วโลกว่าเครื่องบินรุ่นนี้มีความปลอดภัยที่จะทำการบินได้อีกครั้ง
“ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของโบอิ้ง และเรายังคงมุ่งเน้นในการเพิ่มคุณค่าของความปลอดภัย คุณภาพ และบูรณาการในทุกสิ่งที่เราทำ เราทำงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับ 737 Max เพื่อพร้อมให้บริการ” เดนนิส มูเลนเบิร์ก ซีอีโอของบริษัทระบุเมื่อวันที่ 24 ก.ค.
จากการที่เครื่องบินรุ่น 737 Max ต้องจอดทั่วโลก ก่อให้เกิดกระแสความตื่นตกใจกับอุตสาหกรรม และส่งผลกระทบกับการเปิดตัวเครื่องบินรุ่นใหม่ของบริษัท
ทั้งนี้ ยอดขายลดลง 35% ลงมาอยู่ที่ 15,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (488,722 ล้านบาท) และต่ำกว่าการคาดการณ์โดยเฉลี่ยคือ 18,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 575,606 ล้านบาท) จากข้อมูลของ Refinitiv.