ยุโรปเผชิญคลื่นความร้อนรอบ 2
เมืองบอร์โด ประเทศฝรั่งเศส เผชิญสภาพอุณหภูมิสูงสุดนับตั้งแต่ที่เคยมีการบันทึกไว้ หลังจากคลื่นความร้อนเข้าปกคลุมยุโรปตะวันตกเป็นครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักอุตุนิยมวิทยาฝรั่งเศสได้บันทึกอุณหภูมิจากเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ไว้ 41.2 องศาเซลเซียส ซึ่งทำลายสถิติอุณหภูมิ 40.7 องศาเซลเซียส เมื่อปีพ.ศ. 2546
นักพยากรณ์อากาศคาดว่า คลื่นความร้อนสูงทุบสถิติกำลังเดินทางผ่านยุโรปในช่วงสัปดาห์นี้ โดยรวมไปถึงประเทศเบลเยียม เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์
แคลร์ นูลลิส ตัวแทนขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ระบุว่า “อย่างที่เราเห็นแล้วในเดือน มิ.ย.ว่าคลื่นความร้อนมีความถี่มากขึ้น ทั้งยังเริ่มต้นเร็วขึ้น และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะหายไปได้ง่ายๆ”
พื้นที่ส่วนใหญ่ของฝรั่งเศสเริ่มมีการเตือนภัยเป็นระดับสีส้ม หรือก็คือระดับสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสัญญาณเตือน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฝรั่งเศสระบุว่า อุณหภูมิ ณ กรุงปารีส อาจสร้างสถิติใหม่ในวันที่ 25 ก.ค. โดยในอดีตเคยมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส เมื่อปี พ.ศ.2490
เริ่มมีการเปรียบเทียบอุณหภูมินับตั้งแต่ประเทศฝรั่งเศสต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนในเดือน ส.ค. ปี 2546 ซึ่งในขณะนั้นมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากความร้อนรุนแรงราว 15,000 ราย
ในขณะเดียวกัน เบลเยียมได้มีการใช้สัญญาณเตือนระดับสีแดงทั่วประเทศ โดยถือว่าเป็นครั้งประวัติการณ์ของประเทศ
ด้านสเปนได้มีการระบุใช้สัญญาณเตือนระดับสีแดงในเมืองซาราโกซา ซึ่งเกิดเหตุไฟป่ารุนแรงในเดือนก่อน
รัฐบาลประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศให้ดำเนินการใช้ “แผนรับมือความร้อนระดับชาติ”
ส่วนในสหราชอาณาจักร ได้มีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะพุ่งสูงเกิน 35 องศาเซลเซียส และจะทำสถิติอุณหภูมิสูงสุดตลอดกาล
เมื่อคลื่นความร้อนรุนแรงที่ถาโถมเข้าสู่ทวีปยุโรปในเดือนก่อน ได้สร้างสถิติทำให้กลายเป็นเดือน มิ.ย.ที่ร้อนที่สุดไปได้
ประเทศฝรั่งเศสเองได้มีการบันทึกอุณหภูมิสูงที่สุดเท่าที่เคยเผชิญในประวัติศาสตร์ของประเทศ และได้มีการสร้างสถิติเดือน มิ.ย.ที่ร้อนที่สุดในหลายประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐเช็ก สโลวาสเกีย ออสเตรีย อันเดอร์รา ลักซอมเบิร์ก โปแลนด์ และเยอรมนี
ด้านนักวิทยาศาสตร์กังวลว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งมีผลมาจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล มีผลต่อความมั่นคงของสภาพภูมิอากาศโลกอย่างมาก