ทูตสหรัฐฯ เยือนขณะมีพิพาทโสมขาว-ญี่ปุ่น
โซล (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 17 ก.ค.นักการทูตอาวุโสสหรัฐฯ เยือนกรุงโซลในเกาหลีใต้ ท่ามกลางกรณีพิพาททางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯทั้งคู่ โดยเกาหลีใต้มีแผนจะลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเร็วๆนี้
สหรัฐฯลำบากใจที่จะเข้าไปแทรกแซง และกรณีพิพาทระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นภัยต่อซัพพลายเมมโมรีชิปและสมาร์ทโฟนทั่วโลก บดบังความสำคัญของการเยือนของ เดวิด สติลเวล หัวหน้าทูตสหรัฐฯ สำหรับนโยบายในเอเชียตะวันออก
เมื่อถูกถามว่าสหรัฐฯจะมีบทบาทในการแก้ไขความขัดแย้งครั้งนี้หรือไม่ สติลเวลไม่ตอบตรงๆ แต่ระบุว่า เขาจะ “มีส่วนร่วมในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ” สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงาน
ในสัปดาห์ก่อน สติลเวลได้ให้สัมภาษณ์กับสถานี NHK ของญี่ปุ่นว่า สหรัฐฯจะไม่เข้าไปแทรกแซงในกรณีพิพาท และหนุนให้สองประเทศพันธมิตรในเอเชียของสหรัฐฯมีการพูดคุยกันอย่างสันติ
ประเด็นความตึงเครียด ที่ย้อนหลังไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งญี่ปุ่นบังคับให้ชาวเกาหลีใต้มาเป็นแรงงาน ปะทุขึ้นมาอีกในเดือนก.ค.นี้ เมื่อญี่ปุ่นประกาศเข้มงวดการส่งออกวัสดุไฮเทคให้กับเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ฮงนัมกี รมว.กระทรวงการคลังเกาหลีใต้ย้ำถึงข้อเรียกร้องของเขาให้ญี่ปุ่นยุติการควบคุมการส่งออก ขณะที่เสริมว่าเกาหลีใต้อยากให้ซัพพลายเชนของประเทศมีอิสระ และพึ่งพาประเทศอื่นน้อยลง
“รัฐบาลกำลังเร่งแผนการที่ครอบคลุมเพื่อลดการพึ่งพาวัสดู ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมนี้ จากญี่ปุ่น และจะมีการประกาศในเร็วๆนี้” เขากล่าวในการเริ่มประชุมรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในด้านเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นปฏิเสธว่า กรณีพิพาทเรื่องการควบคุมการส่งออกไม่ได้มีขึ้นเพื่อตอบโต้ประเด็นเงินชดเชยให้แรงงานเกาหลีใต้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกระตุ้นให้เกาหลีใต้ “มีมาตรการที่เหมาะสม” ในการแก้ไขประเด็นแรงงาน ซึ่งศาลเกาหลีใต้มีคำพิพากษาเมื่อปลายปีที่แล้ว ให้บริษัทญี่ปุ่นจ่ายค่าชดเชยให้แรงงานเกาหลีใต้ในอดีต
กรณีพิพาทยังกระทบไปถึงนโยบายเรื่องเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญสำหรับสติลเวล ซึ่งเดินทางมาถึงเมื่อวันที่ 16 ก.ค.
สื่อญี่ปุ่นระบุว่า เกาหลีใต้ละเมิดการคว่ำบาตรของนานาชาติที่ห้ามส่งออกสินค้าไปเกาหลีเหนือ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าไม่ได้กล่าวหาเกี่ยวกับการส่งออกไปเกาหลีเหนือ แต่ประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้เรียกการกล่าวหาของญี่ปุ่นว่า เป็นการท้าทายอย่างรุนแรง
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. สำนักข่าวกรองเกาหลีใต้โต้กลับด้วยการชี้แจงกับส.ส.ว่า ญี่ปุ่น “ไม่สนใจและเฉยชา” กับมาตรการคว่ำบาตรจากสหประชาชาติ
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านแตกแยกมานานหลังความทรงจำสุดขมขื่นที่คาบสมุทรเกาหลีถูกญี่ปุ่นยึดครองในช่วงปี 2453 – 2488.