‘ลี’ ย้ำผู้นำโลกต้องทำให้ระบบการค้าเข้มแข็ง
โอซาก้า – นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงแห่งสิงคโปร์เรียกร้องให้ผู้นำประเทศชั้นนำ ส่งเสริมให้ระบบการค้าทั่วโลกเข้มแข็งขึ้น แทนที่จะลดทอนบทบาทลง โดยเขาเสริมว่าส่วนสำคัญในการทำได้เช่นนั้นคือสิทธิทางการเมือง
นี่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับแนวนโยบายที่สนับสนุนการค้าและการลงทุนทั่วโลก ซึ่งจะเอื้อประโยชน์แก่พลเมือง นายกฯลีกล่าวในวันแรกของการประชุมซัมมิตของกลุ่มประเทศ G20 ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
“ ผู้นำจำเป็นต้องอธิบายความท้าทายและการแลกเปลี่ยนอย่างชัดเจนและซื่อตรงกับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โน้มน้าวพวกเขาและทำงานร่วมกันกับพวกเขาเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ในระยะยาวของพวกเขา” เขาเสริม
นายกฯลียังได้ระบุว่า องค์การการค้าโลก (WTO) ต้องปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ และกระตุ้นให้ประเทศสมาชิก “ทำงานอย่างมีประสิทธิผล และเร่งปฏิรูป”
นี่รวมถึงการแก้ไขสถานการณ์ที่ไม่มีทางออกอย่างรวดเร็วในเรื่องหน่วยงานในการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งไต่สวนการอุทธรณ์กรณีพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ
โดยสหรัฐฯ ซึ่งเผชิญกับการโจมตีเรื่องข้อพิพาทที่ WTO ได้บล็อกการแต่งตั้งผู้พิพากษาของหน่วยงานอุทธรณ์หลายต่อหลายครั้ง โดย 2 ใน 3 ผู้พิพากษาที่มีอยู่จะหมดวาระจากตำแหน่งในเดือนธ.ค. ทำให้ระบบหยุดชะงักหากไม่มีการแต่งตั้งผู้พิพากษาคนใหม่ เนื่องจากต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คนในการไต่สวนคดี
ขณะที่ระบบการค้าพหุภาคีที่มีอยู่ (ซึ่งหลายประเทศพึ่งพา) ยังไม่สมบูรณ์ และทางเลือกอื่นๆยิ่งแย่กว่า นายกฯลีกล่าวว่า ประชากรในหลายประเทศรู้สึกว่าระบบโลกาภิวัตน์ทำให้พวกเขายิ่งมีชีวิตที่แย่ลง และกำลังต่อต้านด้วยปฏิกริยาแนวชาตินิยม
“ แต่แนวทางแก้ไขยังคงห่างไกล เราจึงควรพัฒนาทักษะของประชาชนของเราเพื่อเตรียมตัวให้พวกเขาพร้อมกับงานใหม่ และช่วยธุรกิจของเราให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และเพิ่มผลผลิต”
“ เราต้องมีสิทธิทางการเมืองด้วย เพื่อสร้างความยั่งยืนให้นโยบายที่สนับสนุนการค้าและการลงทุนทั่วโลก และทำให้ประชาชนได้ประโยชน์” เขากล่าว
นายกฯลียังได้พูดถึงการพัฒนากฎระเบียบใหม่สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยยกย่องญี่ปุ่นถึงบทบาทความเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ เขาเสริมว่าสิงคโปร์ ญี่ปุ่นและออสเตรเลียทำงานร่วมกันเพื่อเปิดประชุมกับ WTO และมีแถลงการณ์ร่วมกันเรื่อง E-Commerce initiative ซึ่งตั้งเป้าให้เจตนาของการค้าดิจิทัลก้าวหน้า
นายกฯลีเตือนถึงผลที่ตามมาของการหันหลังให้ระบบโลกาภิวัตน์ว่าจะเลวร้ายมากเขายังหวังที่จะได้ทำงานกับหลายประเทศในประเด็นสำคัญ และผลักดันให้เกิดโมเมนตัมใหม่
“ หากโลกาภิวัตน์ไม่คงอยู่ เศรษฐกิจโลกจะถูกแบ่งแยกเป็นส่วนๆ ความตึงเครียดและความขัดแย้งจะทำลายความตั้งใจและทรัพยากรของเรา และเราจะยิ่งยากจนลงและมีความมั่นคงน้อยลง”.