ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯดิ่ง
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนมิ.ย.ดิ่งร่วงลงต่ำที่สุดในรอบ 21 เดือน เนื่องจากครัวเรือนเชื่อมั่นน้อยลงจากสภาพธุรกิจและตลาดแรงงานท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาลงเกิดจากอีกข้อมูลที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ว่ายอดขายบ้านเดี่ยวใหม่ลดลงอย่างผิดคาดเป็นเดือนที่ 2 ต่อเนื่องกันในเดือนพ.ค.
มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และเงินเฟ้อต่ำ ทำให้สัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะมีการลดดอกเบี้ยช่วงต้นเดือนก.ค.
“ สิ่งที่กระทบเศรษฐกิจคือสงครามการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ส่งผลรุนแรงขึ้น และจะเป็นปาฏิหาริย์ หากเฟดทำอะไรที่คาดไม่ถึง และทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าตอ” Chris Rupkey หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ MUFG ในนิวยอร์กให้ความเห็น
โดย Conference Board ซึ่งเป็นองค์กรอิสระระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง 9.8 จุดลงมาอยู่ที่ 121.5 จุดในเดือนมิ.ย. ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 จากเดิม 131.3 จุดในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีที่ปรับลดลงในเดือนนี้ถือว่าเป็นการดิ่งฮวบลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2558
Conference Board กล่าวโทษว่าตัวเลขลดลงจากความตึงเครียดทางการค้า และเตือนว่ายังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง
ประเมินว่า GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 อยู่ที่ประมาณ 1.5 – 2.4% โดยในไตรมาสแรก ตัวเลข GDP อยู่ที่ 3.1%
รายงานแยกอีกฉบับจากกระทรวงพาณิชย์เน้นให้เห็นถึงการเติบโตที่ชะลอตัวจากยอดขายบ้านที่ลดลง 7.8% ลงมาอยู่ที่ 626,000 ยูนิตในเดือนพ.ค. ต่ำที่สุดในรอบ 5 เดือน
ยอดขายบ้านในเดือนเม.ย. ปรับขึ้นเป็น 679,000 ยูนิตจากเดิมที่เคยรายงานก่อนหน้านี้คือ 673,000 ยูนิต
รายงานฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ชี้ให้เห็นว่าดัชนี S&P CoreLogic Case-Shiller ของราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่เติบโต 2.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับ 2.6% ในเดือนมี.ค.
“ เศรษฐกิจชะลอตัวจะจำกัดดีมานด์เรื่องบ้าน และการเติบโตของราคาบ้านยังคงอ่อนแรงลงประมาณ 2% ภายในสิ้นปีนี้” Matthew Pointon นักเศรษฐศาสตร์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ Capital Economics ในนิวยอร์ก.