เกาหลีใต้อัตราเกิดต่ำสุดทุบสถิติ
(CNN) – ประชากรในเกาหลีใต้กำลังมีจำนวนเด็กเกิดใหม่น้อยลงและกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ
รัฐบาลระบุเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ว่า ในปีที่แล้ว อัตราการเกิดของเกาหลีใต้ลดลงต่ำที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลมา
อัตราการเกิดโดยรวมเป็นมาตรวัดจำนวนบุตรที่หญิงคนหนึ่งมีตลอดชั่วอายุของเธอ ในปี 2561 ตัวเลขลดลงมาอยู่ที่ 0.98 หรือน้อยกว่าจำนวนเด็กทารก 1 คนต่อผู้หญิง และเป็นตัวเลขที่ลดลงมาจากปีก่อนหน้าคือ 1.05
หมายความว่ามีเด็กเกิดใหม่ลดน้อยลงถึง 8.7% ในเกาหลีใต้ในปี 2561 เมื่อเทียบกับปี 2560
จากรายงานของรัฐบาล ซึ่งมีการเก็บรวบรวมตัวเลขตั้งแต่ปี 2513 อัตราการเกิดต่อผู้หญิงในช่วงวัย 20 ปีปลายๆลดดิ่งลงมากที่สุด
สถิติที่ต่ำเป็นประวัติการณ์นี้หนุนให้เกาหลีใต้เป็นประเทศที่เข้าใกล้อัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก ต่ำยิ่งกว่าญี่ปุ่น ซึ่งประสบภาวะลำบากกับอัตราการเกิดต่ำมานานหลายปีเช่นกัน โดยตัวเลขอยู่ที่ 1.42 ในปีที่แล้ว
เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นชัด อัตราการเกิดในปี 2561 ในสหรัฐฯอยู่ที่ 1.72 ขณะที่หลายประเทศในแอฟริกา ซึ่งมีอัตราการเกิดสูงที่สุดในโลก ตัวเลขอยู่ที่ 5 – 6
สำหรับเกาหลีใต้ เพื่อให้จำนวนประชากรมีเสถียรภาพ จำเป็นต้องมีอัตราการเกิดอยู่ที่ 2 และหากสูงกว่านั้นจะชี้ถึงการเติบโตของจำนวนประชากร
นี่ไม่ใช่เรื่องฟลุคสำหรับเกาหลีใต้ เพราะวิกฤตด้านประชากรก่อตัวมาสักระยะหนึ่งแล้ว ในปี 2560 อัตราการเกิด 1.05 เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเวลานั้น ขณะที่อัตราการเสียชีวิตพุ่งขึ้นสูงสุดทุบสถิติ
และในเวลาเดียวกัน จำนวนประชากรผู้สูงอายุก็เพิ่มขึ้น โดยชาวเกาหลีใต้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีมีจำนวนแซงหน้า เด็กในวัย 0 – 14 ปี เป็นครั้งแรกในปี 2560 และจำนวนผู้สูงวัยมีสัดส่วนคิดเป็น 13.6% ของพลเมืองทั้งประเทศ
รัฐบาลเกาหลีใต้ลดชั่วโมงทำงานสูงสุดจากเดิม 68 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ลงมาอยู่ที่ 52 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในปีที่แล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่าอัตราการเกิดต่ำและผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นแรงจูงใจสำคัญต่อการตัดสินใจของรัฐบาลในประเด็นนี้
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นที่คนหนุ่มสาวแต่งงานช้าลง ในปี 2561 ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ในวัย 20 – 44 ปีเป็นโสด จากข้อมูลของสถาบันเพื่อสุขภาพและสวัสดิการสังคมเกาหลี ( KIHSA) โดยในบรรดาผู้ที่ไม่เคยออกเดทเลย ซึ่งเป็นชาย 51% และเป็นหญิง 64% ระบุว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่เป็นโสด
หนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ระบุว่า พวกเขาไม่มีเวลา เงิน หรือความสามารถทางอารมณ์ที่จะมีแฟน นอกจากนี้ ยังมีจำนวนคนตกงานเพิ่มขึ้น ในตลาดงานที่มีการแข่งขันสูง หมายความว่าหลายคนใช้เวลาว่างไปเรียนต่อเพิ่มเติมเพื่อให้ได้วุฒิการศึกษาเพิ่มขึ้น หรือทักษะทางอาชีพมากขึ้น
หลายชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยพยายามสอนให้นักศึกษาออกเดท มีความรักและมีเพศสัมพันธ์ เป็นความพยายามที่จะสวนกระแสวัฒนธรรมที่ต่อต้านการเดท หรือแม้แต่สั่งงานให้ทำโดยการให้นักศึกษาออกเดท.