สหรัฐฯ คุยฝรั่งเศสภาษีดิจิทัล
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯระบุว่าสหรัฐฯใกล้จะบรรลุผลในการคุยประนีประนอมกับฝรั่งเศสในประเด็นภาษีดิจิทัล
โดยความเห็นของทรัมป์มีขึ้นในช่วงเวลาที่เขาแถลงข่าวในการประชุมซัมมิต G7 ที่เมืองบีอาริตซ์ ประเทศฝรั่งเศส ร่วมกับนายกรัฐในตรีอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนี
ขณะเดียวกัน นายกฯแมร์เคิล ระบุว่า กลุ่มประเทศองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD ) ต้องการให้มีการหาทางออกเกี่ยวกับภาษีภายในปี 2563
ฝรั่งเศสผ่านกฎหมายภาษี 3% ในเดือนก.ค. ซึ่งตั้งเป้ากับบริษัทรายใหญ่เทคโนโลยีประมาณ 30 แห่ง รวมทั้งเฟซบุ๊ก อเมซอน และกูเกิล โดยจะจัดเก็บภาษีกับบริษัทที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 750 ล้านยูโร ( 25,702 ล้านบาท ) จากกิจกรรมดิจิทัล รวมถึงรายได้ 25 ล้านยูโร ( 856 ล้านบาท ) ในฝรั่งเศส
มีความตึงเครียดเกี่ยวกับภาษีที่รุนแรงขึ้นระหว่างฝรั่งเศสกับสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ อ้างว่ามาตรการภาษีของฝรั่งเศสนี้ตั้งเป้ากับ ‘บริษัทอเมริกันรายใหญ่’ และขู่ว่าจะขึ้นภาษีตอบโต้กับสินค้าฝรั่งเศส
“ ถ้าฝรั่งเศสทำอย่างนั้น เราจะเก็บภาษีไวน์อย่างที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน” เขากล่าวกับสื่อก่อนที่จะออกจากเมืองบีอาริตซ์ จากการรายงานของรอยเตอร์
แม้ฝรั่งเศสจะผลักดันการจัดเก็บภาษีกับบริษัทดิจิทัลในประเทศตัวเองจนได้ แต่ความพยายามของสหภาพยุโรปกลับล้มเหลวลงในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทัสก์ ประธานสภายุโรประบุในการประชุม G7 เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ว่า อียูจะ “ขานรับแบบเดียวกัน” หากฝรั่งเศสตั้งเป้ากับสหรัฐฯในการจัดเก็บภาษีดิจิทัล
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. รายงานใน Financial Times และ Politico โดยอ้างอิงเอกสารภายในอ้างว่าทางอียูมีแผนจะเปิดตัวกองทุนความมั่งคั่งมูลค่า 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 3.37 ล้านล้านบาท ) เพื่อลงทุนในบริษัทของยุโรป
อ้างอิงจากรายงาน กองทุนที่เสนอจะจัดตั้งขึ้นนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยบริษัทยุโรปให้สามารถแข่งขันได้กับบริษัทจากสหรัฐฯและจีน โดยในร่างเอกสารมีการระบุชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างชัดเจนทั้ง แอปเปิล อเมซอน อาลีบาบา และ Tencent.