บริษัทไฮเทครวมตัวยื่นฟ้องทรัมป์
127 บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้พิจารณาว่าคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ กระทบการดำเนินงานและเป็นภัยร้ายแรงกับธุรกิจของพวกเขา
บริษัทที่ร่วมลงนามในคำร้องครั้งนี้มีทั้งแอปเปิล เฟซบุ๊ก กูเกิล อินเทล ไมโครซอฟท์ เน็ตฟลิกซ์ ทวิตเตอร์ เทสลา อโดบี เอชพี และเอเวอร์โน้ต โดยในครั้งแรกมีบริษัทที่ร่วมลงนาม 97 บริษัทและตามมาลงนามสมทบอีก 30 บริษัท
บริษัทส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี มีไม่กี่บริษัทที่เป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทอื่น รวมถึงผู้ผลิตโยเกิร์ต Chobani ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว Kind และแบรนด์แฟชั่นอย่าง Levi Strauss โดยบริษัททั้งสามแห่งนี้มีผู้ก่อตั้งธุรกิจเป็นผู้อพยพ
ทั้งนี้ ได้มีการยื่นฟ้องที่ศาลในวอชิงตันเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพวกเขาลงความเห็นว่าคำสั่งนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีแนวคิดคัดค้านคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ amicus brief หรือเอกสารที่ยื่นต่อศาลทำให้บริษัททั้งหมดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับคดี แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นจากผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้
จากสถานการณ์ปัจจุบัน นักเดินทางผู้ถือวีซ่าจาก 7 ประเทศมุสลิมสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ตามปกติเนื่องจากคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ตัดสินว่า ไม่มีใครอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ แม้แต่ประธานาธิบดีก็ตาม
จึงมีความพยายามครั้งล่าสุดจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่จะปกป้องคำสั่งในการห้าม 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ อีกครั้งด้วยการยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคำสั่งนี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา
เอกสารคำร้องที่มีความยาว 15 หน้าได้โต้แย้งว่าคำสั่งพิเศษนั้นชอบด้วยกฎหมายเป็นไปตามอำนาจของประธานาธิบดี และไม่ได้เป็นการแบนชาวมุสลิมโดยรวม
โดยคำสั่งพิเศษได้แบนเป็นการชั่วคราวเฉพาะการเข้าประเทศของผู้ลี้ภัยทั้งหมดและนักเดินทางจาก 7 ประเทศมุสลิมเท่านั้น
จะมีการไต่สวนและพิจารณาของศาลในซานฟรานซิสโกในวันที่ 7 ก.พ.ว่าผู้พิพากษาจะตัดสินเข้าข้างฝ่ายกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ หรือยกคำร้อง
คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์ที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายทั้งที่สนามบิน
ในสหรัฐฯ และต่างประเทศ มีการประณามคำสั่งนี้อย่างกว้างขวาง ถึงแม้ผลจากโพลล์สำรวจล่าสุดจะชี้ว่า มีความคิดเห็นที่แตกแยกกันอย่างเห็นได้ชัดกับนโยบายนี้.