อาเซียนจะบูมหลังคำสั่งทรัมป์
จากคำสั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดในการคัดกรองนักเดินทางเข้าสหรัฐฯ ทำให้หลายบริษัทและผู้บริหารหลายคนในเอเชียมองว่า เอเชียจะได้อานิสงส์ในการท่องเที่ยวและการศึกษาจากชาวมุสลิมที่กังวลเรื่องคำสั่งนี้
โดยคำสั่งของผู้นำสหรัฐฯ คือ งดรับผู้ลี้ภัยเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 120 วัน และห้ามพลเมืองจากอิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรียและเยเมนเดินทางเข้าสหรัฐฯเป็นเวลา 90 วัน
ในประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิมอย่างประเทศมาเลเซีย ซีอีโอ ของของสายการบินต้นทุนต่ำอย่างแอร์เอเชียมองว่า 10 ประเทศสมาชิกในอาเซียนจะได้ผลประโยชน์มากที่สุดจากคำสั่งนี้
“ จาการที่โลกแบ่งแยกกันมากขึ้น ถึงเวลาของอาเซียนแล้วที่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือน ” นายโทนี เฟอร์นานเดส ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 31 ม.ค.
ที่ผ่านมา มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบ 200,000 คนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย อิรักและกาตาร์
นอกจากนี้ มาเลเซียยังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวในเชิงการแพทย์และการท่องเที่ยวฮาลาลด้วยอาหารและสินค้าอื่นๆ ที่ได้ใบรับรองฮาลาล
สำหรับประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทย คำสั่งห้ามของสหรัฐฯ อาจช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือนด้วยเช่นกัน
“ ตะวันออกกลางเป็นตลาดใหญ่สำหรับเรา โดยเฉพาะการเดินทางมารักษาตัวในโรงพยาบาลระดับพรีเมียมของไทย พวกเขาอาจเลือกประเทศไทยมากกว่า และนี่จะช่วยหนุนให้ภาคส่วนนี้ของเราเติบโตขึ้นได้อีกมาก” นายยุทธศักดิ์สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ความเห็นกับสำนักข่าวรอยเตอร์
นักศึกษาต่างชาติเริ่มมีความกังวลว่า หากพวกเขาสามารถได้ไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯ อาจจะไม่ได้งานทำในสหรัฐฯเมื่อจบการศึกษา เนื่องจากความเข้มงวดในเรื่องวีซ่าที่ผู้นำสหรัฐฯ เคยกล่าวว่าจะนำมาบังคับใช้อย่างจริงจัง
“ ทรัมป์ทำให้เกิดความตื่นตระหนกมาก โดยเฉพาะในแผนการพิจารณา Optional Practical Training หรือ OPT ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ให้บัณฑิตต่างชาติที่จบการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม หรือคณิตศาสตร์มีสิทธิ์ที่จะหางานทำในสหรัฐฯได้ภายใน 36 เดือน ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ทรัมป์อาจจะยกเลิก OPT ก็ได้ ” นายอาเจย์ มิทาล ผู้อำนวยการ International Placewell Consultants ในนิวเดลีซึ่งทำหน้าที่ส่งนักศึกษาไปศึกษาต่อต่างประเทศกล่าวว่า ทั้งเยอรมนีและสิงคโปร์ต่างเข้มงวดยิ่งขึ้นในการรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมองว่าคำสั่งห้ามนี้จะเป็นการปกป้องสหรัฐฯ จากกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม แต่เขากลับถูกประณามมากขึ้นเรื่อยๆจากผู้นำประเทศหลายคนและยังคงมีการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองสำคัญของสหรัฐฯ.