ทรัมป์สั่งปลดรักษาการรัฐมนตรียุติธรรม
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีคำสั่งปลดรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทำหน้าที่มาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา หลังจากเธอสั่งเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมไม่ให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ห้าม 7 ชาติมุสลิมเข้าสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีทรัมป์
โดยแถลงการณ์ซึ่งใช้ถ้อยคำที่รุนแรงจากทำเนียบขาว ได้ตำหนิน.ส.แซลลี เยทส์ว่า “ อ่อนแอเรื่องพรมแดนและยิ่งอ่อนแอมากขึ้นกับเรื่องการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ” และยังได้วิจารณ์พรรคเดโมแครตที่ล่าช้าไม่ยอมรับรองการแต่งตั้งส.ว.เจฟ เซสชั่นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสียที
“ รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแซลลี เยทส์ ทรยศต่อกระทรวงยุติธรรมโดยการปฏิเสธที่จะบังคับใช้กฎหมายที่มุ่งปกป้องพลเมืองของสหรัฐฯ ” อ้างอิงจากแถลงการณ์ของทำเนียบขาว
“ คำสั่งนี้ได้ผ่านการรับรองในแง่รูปแบบและความชอบด้วยกฎหมายจากสำนักงานที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงยุติธรรม คืนนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งให้น.ส.เยทส์พ้นจากหน้าที่ ”
โดยนายดานา โบเอนเต อัยการเขตตะวันออกของเวอร์จิเนียจะปฏิบัติหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแทนจนกว่าส.ว.เจฟ เซสชั่นจากพรรครีพับลิกันจะผ่านการรับรองในขั้นตอนสุดท้ายจากวุฒิสภา ซึ่งที่ผ่านมาถูกเตะถ่วงจากส.ว. พรรคเดโมแครตด้วยเหตุผลทางการเมือง อ้างอิงจากแถลงการณ์
ในจดหมายที่ส่งให้เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม น.ส.เยทส์ซึ่งเป็นอัยการที่ได้รับการส่งเสริมจากอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความข้องใจว่าคำสั่งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีเหตุการณ์บันทึกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เท่าไรนักที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมจะถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยทำเนียบขาวเหตุการณ์อื้อฉาวที่โด่งดังจนเป็นที่จดจำเกิดขึ้นในปี 2516 เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเอลเลียต ริชาร์ดสันและรัฐมนตรีช่วยของเขาขอลาออกแทนการปฏิบัติตามคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันที่ให้เขาสั่งปลดอัยการพิเศษที่ทำหน้าที่สอบสวนในคดีวอเตอร์เกตออก
คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ส่งผลให้อเมซอนต้องยกเลิกทริปธุรกิจสำหรับนักกฎหมายอาวุโสของบริษัทซึ่งเกิดในลิเบียและเป็นพลเมืองของสหราชอาณาจักร โดยพนักงาน 49 คนของบริษัทเกิดในประเทศหนึ่งในกลุ่ม 7 ประเทศที่ถูกห้ามเข้าสหรัฐฯ และพนักงานใหม่อีก 7 คนที่บริษัทเพิ่งรับเข้ามาอาจต้องทำงานในออฟฟิศนอกสหรัฐฯ
ทางเอ็กซ์พีเดียออกแถลงการณ์ว่า คำสั่งนี้กระทบกับการท่องเที่ยว ทำให้ต้องมีการคืนเงินผู้โดยสารอย่างน้อย 1,000 คน และยังมีค่าใช้จ่ายในการจับตาว่าจะมีการปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไรและผู้ที่จะได้รับผลกระทบคือใครบ้าง.