สตาร์บัคส์มีแผนจ้างงานผู้ลี้ภัยหมื่นคน
เมื่อวันที่ 29 ม.ค.นายโฮเวิร์ด ชูลซ์ ซีอีโอสตาร์บัคส์ซึ่งเป็นแบรนด์กาแฟชื่อดังระดับโลกกล่าวว่า บริษัทมีแผนจะจ้างผู้ลี้ภัยเพิ่มอีก 10,000 คนภายใน 5 ปีใน 75 ประเทศ
โดยคำประกาศนี้เกิดขึ้น 2 วันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้คำสั่งพิเศษห้ามผู้ลี้ภัยและนักเดินทางจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ผู้นำสหรัฐฯ เซ็นคำสั่งประธานาธิบดีในการห้ามผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 4 เดือน และห้ามนักเดินทางจากซีเรียและอีก 6 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า มาตรการที่เข้มงวดนี้จะช่วยปกป้องประชาชนชาวอเมริกันจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายได้
คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาประเทศแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง และก่อให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง จนมีการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น
ซีอีโอชูลซ์กล่าวในจดหมายของสตาร์บัคส์ว่า พนักงานของบริษัทจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อสนับสนุนแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้
โดยมีการประกาศเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ว่า ความพยายามในการจ้างงานจะเริ่มต้นขึ้นในสหรัฐฯ ด้วยการมุ่งเน้นเบื่องต้นในแต่ละคนที่เคยให้บริการกองทัพสหรัฐฯ เช่น ล่ามและสนับสนุนบุคคลในหลายประเทศ ที่ซึ่งกองทัพร้องขอการสนับสนุน
ทั้งนี้ นายชูลซ์เป็นคนโผงผาง พูดจาให้ความเห็นตรงๆ ในหลายประเด็น และทำให้สตาร์บัคส์อยู่ในสายตาของคนทั้งประเทศ โดยเขาได้เคยขอร้องลูกค้าว่า อย่านำอาวุธปืนเข้ามาในร้าน และจุดประเด็นการสนทนาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสีผิวที่แตกต่าง
ซีอีโอสตาร์บัคส์กล่าวเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ว่า หากกฎหมายดูแลสุขภาพที่สามารถจ่ายได้ถูกยกเลิกและพนักงานต้องสูญเสียการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม พวกเขาสามารถกลับไปจ่ายประกันสุขภาพผ่านสตาร์บัคส์ได้
ประธานาธิบดีทรัมป์และสภาทั้งสองสภาที่พรรครีพับลิกันคุมเสียงส่วนใหญ่กำลังหาทางยกเลิกกฎหมายดูแลสุขภาพของชาวอเมริกัน ที่รู้จักกันดีในชื่อ โอบามาแคร์ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
โดยนายชูลซ์จะลงจากตำแหน่งซีอีโอในอีกไม่กี่เดือนนี้เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับร้านกาแฟระดับไฮเอนด์ เขาจะส่งต่อตำแหน่งบริหารให้กับนายเควิน จอห์นสัน ซึ่งเป็นผู้บริหารด้านเทคโนโลยีมานาน เขาจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริหารในเดือนเม.ย. ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ นายชูลซ์ยังได้ยืนยันว่า บริษัทให้คำมั่นที่จะทำการค้ากับเม็กซิโกต่อไป ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการคัดค้านนโยบายสำคัญลำดับต้นๆ ของนายทรัมป์อย่างเห็นได้ชัด.