กูเกิลเรียกตัวพนักงานกลับสหรัฐฯหลังคำสั่งทรัมป์
บริษัทกูเกิลเรียกตัวพนักงานที่กำลังเดินทางออกนอกประเทศให้กลับสหรัฐฯ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งพิเศษไม่ให้นักเดินทางจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าไปยังสหรัฐฯ
โดยผู้ลี้ภัยชาวซีเรียถูกห้ามไม่ให้เข้าไปยังสหรัฐฯ จนกว่าจะมีประกาศคำสั่งต่อไป
นักเดินทางจากประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามอีก 6 ประเทศ ซึ่งรวมถึง อิหร่าน และ อิรัก ถูกห้ามไม่ให้เข้าสหรัฐฯเป็นเวลากว่า 90 วัน
คำสั่งห้ามผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าไปยังสหรัฐฯ มีกำหนดเวลา 120 วัน และ 90 วันตามลำดับ
เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้โดยสารชาวอิรักและชาวเยเมนถูกกักตัวไม่ให้เดินทางจากสนามบินไคโรไปยังนิวยอร์ค แม้ว่าผู้โดยสารทั้งหมดจะครอบครองวีซ่าสหรัฐฯ อย่างถูกกฏหมายก็ตาม
สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน หรือ เอซีแอลยู ได้ยื่นฟ้องคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อศาลแล้วเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่สภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม หรือ ซีเอไออาร์ เองก็ยืนยันจะยื่นฟ้องต่อศาลเช่นกัน
ทางกูเกิลได้รายงานกับทางบีบีซีว่าทางบริษัทเป็นกังวลมากกับคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ และมาตรการต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบไปยังการกักตัวพนักงานของบริษัทไม่ให้เข้ามายังสหรัฐฯ
คำสั่งที่ว่าส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับบริษัทกูเกิลซึ่งว่าจ้างพนักงานที่มีทักษะยอดเยี่ยมจากทั่วโลก โดยทุกคนมีวีซ่าพิเศษ เอช1-บี ในครอบครอง
ยังมีรายงานอีกว่าผู้ที่ถือบัตรกรีนการ์ดจำนวนมากซึ่งอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างถาวร กลับถูกห้ามไม่ให้เดินทางเช่นกัน อย่างไรก็ตามผู้ใช้กรีนการ์ดไม่ได้ถูกระบุอย่างเจาะจงในคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์และรวมถึงสถานะของผู้ใช้กรีนการ์ดในขณะนี้ซึ่งยังไม่มีการระบุที่ชัดเจน
ซีเอไออาร์ แนะนำให้ประชาชนซึ่งไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกาซึ่งรวมถึงผู้อาศัยถาวร จากทั้งหมด 7 ประเทศ วางแผนสำหรับการเดินทางไปยังต่างประเทศว่า ควรเฝ้าระวังและรอให้ผ่านพ้นช่วงระยะเวลาอย่างน้อย 90 วันตามคำสั่งไปก่อน
นายทรัมป์ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวของเขาว่า จะไม่ให้ผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงชาวมุสลิมได้เข้าไปยังสหรัฐฯ อย่างเด็ดขาด
แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้กล่าวว่า ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียในสหรัฐฯกับผู้ก่อการร้ายนั้นถือเป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว
นายทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งการกักตัวเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันระลึกถึงผู้เสียสละเหยื่อการสังหารหมู่ชาวยิวพอดี
โดยในวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาเป็นวันครบครอบ 72 ปี ของวันระลึกถึงการสังหารหมู่ในค่ายเอาชวิทซ์ อย่างไรก็ตาม มาตรการของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือพูดถึงชาวยิวหรือการต่อต้านชาวยิวแต่อย่างใด.