ศาลฎีกาอังกฤษตีรวนออกจากอียู
ศาลฎีกาตัดสินรัฐบาลอังกฤษดำเนินการเริ่มกระบวนการเบร็กซิท โดยต้องนำเข้าสู้การพิจารณาของรัฐสภาตามมติของประชาชนที่ลงคะแนนเมื่อปีที่แล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ว่า วันเดียวกันนี้ ศาลฎีกาของอังกฤษได้ตัดสินชี้ขาดให้รัฐบาลอังกฤษนำโดยนายกรัฐมนตรีเธเรซ่า เมย์ ต้องขออนุมัติจากรัฐสภาก่อนจึงจะเริ่มดำเนินการตามบทบัญญัติมาตรา 50 (เอ50) ของสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อเจรจากับเหล่าผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เริ่มกระบวนการเบร็กซิท ถอนตัวออกจากอียู อันเป็นไปตามผลประชามติเมื่อปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้รัฐบาลอังกฤษยืนยันสามารถดำเนินการได้เลยและคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในกำหนดเส้นตายของรัฐบาลคือภายในวันที่ 31 มี.ค. นอกจากนี้ ศาลฎีกาของอังกฤษยังตัดสินด้วยว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องฟังเสียงหรือขออนุมัติจากรัฐสภาของสก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ
คำตัดสินของศาลฎีกาดังกล่าวถือเป็นการพ่ายแพ้ของรัฐบาลที่ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลสูงที่ตัดสินทำนองเดียวกันไว้เมื่อปีที่แล้วและน่าจะเป็นผลให้กระบวนการเบร็กซิทล่าช้าออกไปอีก ด้านนายเจเรมี ไรท์ รมว.ยุติธรรมของอังกฤษ เผยว่ารัฐบาลรู้สึกผิดหวังกับคำตัดสินของศาลฎีกา แต่จะปฏิบัติตามและทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อดำเนินการตามคำตัดสินของศาลฎีกา ส่วนนายบอริส จอห์นสัน รมว.ต่างประเทศและเป็นหนึ่งในแกนนำรณรงค์ให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปช่วงก่อนทำประชามติ ได้ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ระบุว่าศาลฎีกาได้ชี้ชัดออกมาแล้ว ตอนนี้รัฐบาลจะต้องทำตามเจตน์จำนงประชาชน พวกเราจะเริ่มกระบวนการตามบทบัญญัติมาตรา 50 ภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ มุ่งไปข้างหน้าเถอะพวกเรา
ด้านนางจีนา มิลเลอร์ นักธุรกิจและผู้จัดการบริษัทด้านการลงทุน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รณรงค์ที่ยื่นเรื่องต่อศาลสู้กับรัฐบาล ระบุว่า เบร็กซิท เป็นเรื่องที่สร้างความแตกแยกมากที่สุดแห่งยุค ชัยชนะครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองแต่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ ขณะที่ผู้ร่วมรณรงค์กับนางมิลเลอร์อีกคนระบุว่านี่เป็นชัยชนะของประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ พวกเราควรยินดี.