เอเชียครองแชมป์ราคาบ้านแพงสุดในโลก
เมืองใหญ่อย่างลอนดอนและนิวยอร์คมักเป็นที่พูดถึงในเรื่องการซื้อที่อยู่อาศัยราคาแพง แต่ในความเป็นจริงเมืองที่มีที่อยู่อาศัยราคาสูงที่สุดในโลกอยู่ในเอเชียทั้งสิ้น
อ้างอิงจากข้อมูลของอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ในแบบสำรวจเปรียบเทียบรายได้ต่อค่าใช้จ่ายทั่วโลก ชี้ว่า ฮ่องกง มุมไบ ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ มีราคาที่พักอาศัยสูงมาก โดยผู้อยู่อาศัยที่มีรายได้เฉลี่ยปานกลางอาจต้องใช้เวลามากกว่า 30 ปีจึงจะสามารถเป็นเจ้าของห้องพักที่มีขนาด 90 ตารางเมตรได้
รวมไปถึงการเช่าห้องพักในเมืองอย่างมุมไบ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และเดลี ยังถือว่า “ต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ” ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดว่าการประเมินมูลค่าของที่พักอาศัยในเมืองเหล่านี้นั้น “สูง” เกินไป
ในเมืองทั้ง 4 เมืองมีอัตราเช่าห้องพักในปี 2559 ต่ำยิ่งกว่าค่าตอบแทนพันธบัตรของรัฐทั้ง 10 ปีรวมกัน ซึ่งตรงกันข้ามกับเมืองอย่าง โตเกียว ซิดนีย์ นิวยอร์ค และโซล ซึ่งมีอัตราเช่าที่พักสูง
นายเทียน เจีย เหอ และนายลูอิส คูอิจส์ เขียนในรายงานว่า “ เราหวังว่าราคาที่อยู่ศัยซึ่งเพิ่มสูงขึ้นในเอเชียจะซาลงภายในปีต่อๆ ไป ซึ่งอาจมีผลทำให้ราคาการซื้อขายที่อยู่อาศัยในบางตลาดทรุดตัว ”
การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอาจช่วยในการกดดันราคาที่อยู่อาศัยให้ต่ำลง เช่นเดียวกับการเพิ่มอุปทานและการตอบสนองความต้องการผู้ซื้อที่อยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเป็นตัวกระตุ้นให้ราคาที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้นสูงและราคาที่พักในสหรัฐฯ รวมถึงบางประเทศที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบทำให้อัตราการจำนองที่อยู่อาศัยจะแพงมากยิ่งขึ้น
การเพิ่มราคาที่อยู่อาศัยโดยธนาคารกลางของสหรัฐฯ อาจดึงเงินกลับมายังประเทศได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลไปยังราคาที่อยู่อาศัยในเอเชีย
โดยในระยะยาว การเจริญเติบโตของประเทศและปัจจัยทางด้านประชากรยังคงเป็นจุดแข็งของอุปสงค์ในหลายเมืองใหญ่ๆ ทั่วเอเชีย โดยเฉพาะเมืองที่ขาดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งควรมุ่งแก้ไขในด้านราคาที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามประชากรในโตเกียวและโซลมีความเป็นไปได้มากที่จะลดลงในอีก 8 ปีข้างหน้า ซึ่งจะยิ่งทำให้อัตราอุปสงค์ในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงไปอีก.