ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในเอเชียพุ่ง
ปริมาณสินค้าไฮเทคที่ขยายตัวขึ้น และผู้คนจำนวนมากขึ้นที่สามารถซื้อหามาใช้งานได้ ทำให้ปริมาณของขยะอิเล็กทรอนิกส์พุ่งทะยานเพิ่มขึ้นถึง 63% ในเอเชีย อ้างอิงจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยสหประชาชาติและนี่เป็นเพียงผลการศึกษาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ ก่อให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากถึง 12.3 ล้านตันในช่วงปี 2553 – 2558 โดยประเทศจีนเพียงประเทศเดียวมีปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่าในช่วง 5 ปีมานี้
เนื่องจากสินค้าเทคโนโลยีมีอายุการใช้งานสั้น ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนบ่อยๆ จึงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในเอเชีย โดยผลการศึกษาชี้ว่า ขยะประเภทนี้ส่วนใหญ่จะถูกกำจัดทิ้งอย่างผิดกฎหมาย จึงก่อให้เกิดผลกระทบและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมา
สินค้าไฮเทคเหล่านี้จะมีส่วนผสมของสารตะกั่วและสารปรอทซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์และสิ่งแวดล้อมขณะเดียวกัน กระบวนการเผาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งพบได้บ่อยในสถานที่ที่มีการทิ้งขยะกองสุมกัน สามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพอย่างรุนแรง
“ นี่เป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญ ” Ruedigar Kuehr ผู้ร่วมเขียนรายงานการศึกษาของมหาวิทยาลัยยูเอ็นกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นมันนี “ หลายประเทศใน “ รายงานต้องตระหนักและตื่นตัว ไม่เพียงแต่ในประเด็นของปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการรับรู้ทางธุรกิจและเศรษฐกิจ
เนื่องจากเป็นขยะที่รีไซเคิลไม่ได้ หลายประเทศกำลังสูญเสียแหล่งทรัพยากรที่สำคัญสำหรับการคงอยู่ของวงจรการผลิตในอนาคต
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในเอเชียส่วนใหญ่มาจากในภูมิภาค แต่บางส่วนถูกขนถ่ายมาจากประเทศตะวันตกที่มองหาสถานที่ทิ้งขยะ แต่จาการสืบสวนเป็นเวลานานถึง 2 ปีของ Basel Action Network ซึ่งเป็นกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกนำไปที่ศูนย์รีไซเคิลในสหรัฐฯ มักจะถูกขนย้ายและลำเลียงมาทิ้งในพื้นที่ของบางประเทศ เช่น ไต้หวัน จีนและประเทศไทย
Kuehr ยังได้กล่าวว่า ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ของเอเชียต้องใช้ความพยายามอย่างใหญ่หลวงในการแก้ไขปัญหา
“ นักการเมืองต้องบรรจุเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญทางการเมืองเพื่อพัฒนาให้เกิดเป็นนโยบายที่เหมาะสมถูกต้อง การเงินที่มั่นคง ระบบการจัดเก็บที่ดี และความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศจำนวนมากเป็นสิ่งจำเป็น ” เขากล่าว.