3 ประเทศกระทบหนักจากสงครามการค้า
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีนเป็นภัยคุกคามทำให้ปริมาณการค้าทั่วโลกยิ่งชะลอตัวมากขึ้น โดยประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการวิเคราะห์ของนักเศรษฐศาสตร์ประจำ Moody’s Analytics
ประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันพึ่งพาเศรษฐกิจของจีนมาก Steve Cochrane หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชียแปซิฟิกที่ Moody’s ระบุ โดยเขาอธิบายว่า นอกจากจะรองรับผู้บริโภคชาวจีนแล้ว ทั้ง 3 ประเทศนี้ยังเป็นซัพ
พลายเออร์ป้อนชิ้นส่วนให้โรงงานจีนผลิต และขายในตลาดประเทศอื่นๆ อย่างสหรัฐฯ ด้วย
“ ประเทศเหล่านี้พึ่งพาอย่างสูงกับโครงข่ายการค้าของจีน และผูกติดกับดีมานด์ในประเทศจีนและในแง่ของซัพพลายเชน ดังนั้น พวกเขาจึงได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดมากที่สุด ” Cochrane ให้ความเห็นกับสื่อ CNBC
จีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก มีการต่อสู้กันด้านภาษีที่เริ่มต้นมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศได้ขยายตัวออกไปจากการค้าไปสู่ธุรกิจเทคโนโลยีและความมั่นคง
โดยยกประเด็นผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติมาเป็นเหตุผลสนับสนุน ทำให้สหรัฐฯประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย ห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของจีนรายนี้อีก
นับตั้งแต่ความตึงเครียดที่ยกระดับขึ้นในเดือนพ.ค. ราคาหุ้นในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันก็ดิ่งร่วงลงมากที่สุดในเอเชีย เหตุผลสำคัญคือ 3 ประเทศนี้เป็นผู้ส่งออกสำคัญให้กับบริษัทเทคโนโลยีในจีน และหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของ 3 ประเทศนี้เป็นซัพพลายเออร์ให้กับหัวเว่ย
นักวิเคราะห์ระบุว่า การฟื้นตัวในตลาดหุ้นของ 3 ประเทศนี้ขึ้นอยู่กับว่า ความตึงเครียดของสหรัฐฯ – จีน จะบรรเทาลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้หรือไม่ โดยพวกเขาระบุว่า บรรดานักลงทุนกำลังจับตาการประชุมกลุ่มประเทศ G-20 ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่าเขาจะตัดสินใจเรื่องการขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากจีนหลังการประชุมนี้
ตอนนี้ นักลงทุนพากันหนีห่างจากหุ้นในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ข้อมูลจาก
การซื้อขายเงินตราต่างประเทศใน 3 ตลาดชี้ว่า นักลงทุนต่างชาติไม่เป็นผู้ขายเลยตั้งแต่เดือนพ.ค.
“ ผมเดาว่า ในเวลาข้างหน้า ประมาณ 2 – 3 เดือน จะมีผลลัพธ์ออกมาเป็น 2 ทาง” John Woods หัวหน้าเจ้าหน้าที่ลงทุนประจำเอเชียแปซิฟิกที่ Credit Suisse กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNBC
“ หากเราได้เห็นการแก้ปัญหาเชิงบวกของกรณีพิพาททางการค้า ผมคิดว่าคุณจะเห็นตลาดเหล่านี้ดีดตัวขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงเวลาไม่นานนี้” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์พลิกผันกลายเป็นตรงกันข้าม ควรหลีกเลี่ยงตลาดทั้ง 3 ประเทศนี้ Woods กล่าว