ประท้วงฮ่องกงฉุดหุ้นร่วง เร่งถือเงินสด
ฮ่องกง (รอยเตอร์) – ตลาดการเงินฮ่องกงถูกกดดันอย่างหนักในวันที่ 12 มิ.ย.
โดยหุ้นร่วงและความต้องการถือเงินสดพุ่งขึ้น เนื่องจากการประท้วงร่างกฎหมาย ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปจีนขยายวงทำให้ย่านธุรกิจสำคัญต้องปิดหมด
ผู้ชุมนุมหลายแสนคนต่างรวมตัวกันหนาแน่นบนถนนหลักหลายสายใกล้กับที่ทำการรัฐบาล เพื่อประท้วงความพยายามของฝ่ายบริหารเกาะฮ่องกงที่จะผลักดันกฎหมายใหม่ซึ่งอนุญาตให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปจีนเพื่อดำเนินคดีในศาลที่นั่น
ดัชนีฮั่งเส็งปรับลดลง 1.6% ในการซื้อขายช่วงเช้า ขณะที่ราคาหุ้นบริษัทจีนในฮ่องกงลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นในเซี่ยงไฮ้ที่ลดลงน้อยกว่า 0.6%
มีการการเทขายหุ้นมากขึ้นเนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของฮ่องกง ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าจีน – สหรัฐฯย่ำแย่ลง และมีการคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เบน ควอง ผอ.บริษัทวิจัย KGI ระบุว่า หุ้นในประเทศเริ่มอ่อนแรงหลังพุ่งขึ้นมาไม่นาน และการประท้วงหนุนให้ตลาดต้องปรับตัว
“ นี่เป็นปฏิกิริยาเริ่มต้นปกติ เมื่อคุณมีความวุ่นวายในสังคม หรือความตึงเครียด ทำให้เรามีเวลาไม่กี่ที่จะสงบ ” เขากล่าว
แต่สถาบันการเงินต้องเร่งรีบสำรองทรัพย์สินสภาพคล่องด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร โดยอัตรา HIBOR 1 เดือน หรือ 2 เดือนแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2551 ขณะที่ 1 week tenor พุ่งขึ้น 87 จุด
ผลจากดอกเบี้ยระหว่างธนาคารที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.2% เป็น 7.8208 ต่อดอลลาร์ สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์ forex ระบุว่า การประท้วงเพิ่มแรงกดดัน ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องเงินทุนไหลออก
“ ในเวลานี้ ประชาชนกังวลจริงๆเรื่องความเสี่ยงทางการเมือง กังวลว่าเงินทุนจะไหลออกจากฮ่องกง ” หนึ่งในนักวิเคราะห์กลุ่มนี้ ซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยนามระบุ
อย่างไรก็ตาม Fitch จัดอันดับเครดิตให้ฮ่องกงอยู่ที่ AA+ ในวันที่ 12 มิ.ย. เนื่องจากการเงินสาธารณะยังแกร่งและเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่น ฟื้นตัวง่าย.