ทรัมป์แบนหัวเว่ยกระทบ บ.ผลิตชิปสหรัฐฯ
ราคาหุ้นบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย เพื่อสกัดกั้นไม่ให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของบริษัทอเมริกัน
เซมิคอนดักเตอร์เป็นหนึ่งในสินค้าไฮเทคส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และจีนเป็นตลาดสำคัญเพราะบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากต้องพึ่งพาชิปของสหรัฐฯ
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งพิเศษเมื่อเดือนพ.ค.ที่อนุญาตให้วิลเบอร์ รอสส์ รมว.กระทรวงพาณิชย์บล็อกธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศหรือสื่อสารที่ “อาจเป็นความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้” กับความมั่นคงของสหรัฐฯ ทำให้หัวเว่ยถูกขึ้นบัญชีดำเป็นบริษัทที่บริษัทอเมริกันถูกห้ามไม่ให้ขายสินค้าให้หัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์โครงข่ายและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ ความเคลื่อนไหวนี้ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจและราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิปของสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
จำนวนกองทุนเปิด (ETFs) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งติดตามเซมิคอนดักเตอร์มีผลประกอบการแย่ลงกว่าดัชนี Nasdaq Composite ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดย Direxion Semiconuctor Bull 3X Shares ETF ซึ่ง Qualcomm และ Texas Instrument มีราคาหุ้นสูงสุด ดิ่งร่วงลงลงกว่า 34% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ Proshares Ultra Semiconductors ซึ่งมี Intel เป็นบริษัทรายใหญ่ที่สุด ก็ลดฮวบลงเกือบ 25%
ซัพพลายเออร์บางรายของหัวเว่ยออกโรงระบุว่าว่า การขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยจะกระทบผลประกอบการทางการเงิน Qorvo, Skyworks และ Lumentum ต่างลดระดับคาดการณ์รายได้ของไตรมาสปัจจุบันลง ราคาหุ้นของ Qorvo ลดต่ำลง 13.6% ในเดือนนี้ ขณะที่ Skyworks และ Lumentum ลดลงเกือบ 20% และ 28.5% ตามลำดับ
เซบาสเตียน หู นักวิเคราะห์ที่ CLSA ซึ่งเน้นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระบุว่า ราคาหุ้นชิปพุ่งขึ้นในช่วง 2 – 3 เดือนแรกของปีนี้เนื่องจากมีความหวังว่าสหรัฐฯ และจีนจะทำข้อตกลงกันได้ แต่กลับล้มเหลว การขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยจึงยิ่งส่งผลด้านลบกับหุ้นเซมิคอนดักเตอร์
“ หัวเว่ยติดแบล็กลิสต์ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับดีมานด์ครึ่งปีหลัง บีบให้บริษัทเทคโนโลยี หรือบริษัทผลิตชิป ต้องลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ลง” หูกล่าว
ขณะเดียวกัน จีนเองก็ออกมาตรการขึ้นบัญชีดำที่อาจส่งผลด้านลบกับผลประโยชน์ของบริษัทในประเทศ ยังไม่มีการประกาศออกมาว่ามีบริษัทต่างชาติที่ติดแบล็กลิสต์ แต่มีความกังวลว่า อาจตั้งเป้ากับบริษัทอเมริกัน รวมทั้งบริษัทผู้ผลิตชิปด้วย
ทั้งนี้ จีนเองพยายามยกระดับอุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เป็นความเคลื่อนไหวที่จะลดการพึ่งพาสหรัฐฯ โดยผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนากล่าวกับสื่อ CNBC ว่า อาจใช้เวลานาน แต่อาจส่งผลร้ายอย่างสูงสุดกับบริษัทผู้ผลิตชิปอเมริกัน.