ญี่ปุ่นจำกัดต่างชาติเป็นเจ้าของบ.ไอที/สื่อสาร
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า อุตสาหกรรมไฮเทคจะถูกรวมเข้าไปอยู่ในรายชื่อธุรกิจในญี่ปุ่นที่จำกัดการเป็นเจ้าของจากต่างชาติ
โดยกฎหมายใหม่ ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ส.ค. มีขึ้นท่ามกลางความกดดันที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯในการรับมือกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับจีน
รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้เอ่ยถึงอย่างเจาะจงว่าเป็นประเทศใด หรือบริษัทใดที่จะมีผลกระทบจากคำสั่งไม่ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของในอุตสาหกรรมหวงห้ามอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคม
มีการประกาศนี้ในวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่นมีการพูดคุยกันในกรุงโตเกียวเรื่องการค้าและประเด็นอื่นๆ
สหรัฐฯเตือนหลายประเทศไม่ให้ใช้เทคโนโลยีของจีน โดยระบุว่าเทคโนโลยีของหัวเว่ยสามารถเป็นเครื่องมือในการสอดแนมความลับของชาติตะวันตก ที่ผ่านมา จีนและหัวเว่ยปฏิเสธคำกล่าวหานี้อย่างแข็งขัน
“ จากความสำคัญมากขึ้นด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราตัดสินใจใช้มาตรการจำเป็น คือการเพิ่มการผลิตวงจรรวม จากจุดยืนในการป้องกันเนื่องจากมีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงกับความมั่นคงทางไซเบอร์ของญี่ปุ่น” หลายกระทรวงระบุในแถลงการณ์
พวกเขาเสริมว่า ญี่ปุ่นต้องการคุ้มครองป้องกันไม่ให้ความลับทางเทคโนโลยีสำคัญด้านความมั่นคงของชาติรั่วไหล หรือทำลายพื้นฐานการป้องกันประเทศ หรือพื้นฐานเทคโนโลยี
กฎข้อบังคับใหม่จะมีผลกับ 20 ภาคส่วนในอุตสาหกรรมสารสนเทศ และสื่อสาร จากแถลงการณ์ร่วมโดยกระทรวงการคลัง กระทรวงการค้าและกระทรวงสื่อสาร
ภายใต้กฎหมายควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการควบคุมการค้าต่างประเทศ ญี่ปุ่นจะทำให้หลายอุตสาหกรรม เช่น เครื่องบิน ภาคส่วนที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ และการผลิตอาวุธภายใต้การควบคุมเงินทุนต่างประเทศ
กฎหมายบังคับให้นักลงทุนต่างชาติต้องรายงานรัฐบาลญี่ปุ่น และมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดในกรณีที่ซื้อหุ้น 10% หรือมากกว่าในบริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ในรายชื่อ หรือมีหุ้นในบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อก็ตาม
ทั้งนี้ หากรัฐบาลพบข้อบกพร่องใดๆ จะดำเนินการสั่งการให้นักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกแผนการลงทุน.