ทรัมป์เลื่อนภาษีรถนำเข้าออกไปอีก 6 เดือน
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯจะเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรกับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากมีการเจรจาดีลการค้ากับสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น
โดยเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าเขาได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลไธเซอร์ผู้แทนการค้าสหรัฐฯหาทางทำข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาความเสี่ยงที่จะทำให้ความมั่นคงของชาติลดลงจากการนำเข้ารถยนต์ โดยประธานาธิบดีทรัมป์เลือกที่จะเดินหน้าด้านมาตรการภาษีไปพร้อมกับการเจรจา
“ การปกป้องความมั่นคงของสหรัฐฯและความเหนือกว่าของกองทัพขึ้นอยู่กับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมรถยนต์ของเรา และการทำวิจัยและพัฒนาที่อุตสาหกรรมสร้างขึ้น” ซาราห์ แซนเดอร์ส เลขานุการด้านสื่อของทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ “กระบวนการเจรจาจะนำโดยผู้แทนการค้า่สหรัฐฯ โรเบิร์ต ไลไธเซอร์ และหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายใน 180 วัน ท่านประธานาธิบดีจะตัดสินใจ ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ”
ทางทำเนียบขาวต้องตัดสินใจภายในวันที่ 18 พ.ค.ว่าจะยกเลิกภาษีรถยนต์หรือไม่ก่อนหน้านี้ในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะตัดสินใจเรื่องความเคลื่อนไหวด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ในทางกฎหมายแล้ว รัฐบาลสามารถยืดเวลาชะลอการตัดสินใจไปได้อีก 6 เดือน หากมีการเจรจากับประเทศคู่ค้า
มาตรการเก็บภาษีรถยนต์มีความเสี่ยงจะเปินการเผชิญหน้ารอบใหม่ในสงครามการค้าทั่วโลกที่อาจฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯให้ดิ่งลง โดยอียูเตรียมขึ้นบัญชีรายชื่อสินค้าอเมริกันที่ตั้งเป้าจะเก็บภาษี หากทรัมป์เดินหน้านโยบายขึ้นภาษีรถยนต์
ผู้ผลิตรถยนต์และส.ส.สหรัฐฯหลายคนคัดค้านมาตรการภาษีครั้งนี้ โดยอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันระบุว่า ภาษีจะกระทบกับการจ้างงานและผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้น
โดยการตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังการปะทะระหว่างสหรัฐฯกับจีนในสงครามการค้ารอบใหม่ทำเนียบขาวกำลังดำเนินการในการทำข้อตกลงกับจีนเพื่อแก้ปัญหาที่สหรัฐฯ เรียกร้องมานานว่า จีนทำการค้าอย่างไม่เป็นธรรมท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น
ในปีที่แล้ว ทรัมป์ยังได้ยกเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศเพื่อขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ทั้งจากประเทศพันธมิตรอย่างสหภาพยุโรป แคนาดาและเม็กซิโก ทำให้ยุโรปตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีกับสหรัฐฯเช่นกัน.