ราคาน้ำมันพุ่งหลังเหตุโจมตีเรือน้ำมันซาอุฯ
เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ราคาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าเพิ่มสูงขึ้น จากความกังวลเกี่ยวกับเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกโจมตีในตะวันออกกลาง รวมถึงนักลงทุนยังกลัวผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าอยู่ที่ 71 ดลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล พุ่งขึ้นมา 38 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.5% จากราคาปิดล่าสุด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสล่วงหน้าอยู่ที่ 61.73 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.1% จากราคาซื้อขายครั้งล่าสุด
ซาอุดิอาระเบียระบุเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ว่าเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุฯ 2 ลำอยู่ในกลุ่มเรือที่เป็นเป้าหมายในการ ‘ก่อวินาศกรรม’ นอกชายฝั่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยซาอุฯประณามว่าเป็นความพยายามที่จะทำลายความมั่นคงของซัพพลายน้ำมันดิบทั่วโลก
ขณะที่สหรัฐฯ อาหรับเอมิเรตส์ระบุเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ว่า เรือบรรทุกสินค้า 4 ลำถูกก่อวินาศกรรมนอกชายฝั่งรัฐอัลฟุญัยเราะห์ แต่ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมครั้งนี้
ซาอุฯ เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ UAE เป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 3 ในกลุ่มประเทศโอเปก จากผลสำรวจล่าสุดของสื่อรอยเตอร์
“ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง พร้อมกับปัญหาซัพพลายน้ำมันที่ลดลงจากเวเนซุเอลาและอิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น” Abhishek Kumar หัวหน้านักวิเคราะ์ที่ Interfax Energy ในกรุงลอนดอนระบุ
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่วอชิงตันคว่ำบาตรปริมาณการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านเป็นศูนย์ และลดการส่งออกจากเวเนซุเอลา ซึ่งมีปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานจนต้องลดเพดานการผลิตน้ำมันลง
นักลงทุนมีความกังวลกับการลดเพดานการผลิตของกลุ่มโอเปกตั้งแต่ต้นปี และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งตึงเครียดมากขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ยิ่งส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น Kumar กล่าว
สหรัฐฯและจีนบริโภคน้ำมันรวมกันคิดเป็น 34% ของการบริโภคน้ำมันทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2562 นี้ จากข้อมูลของสำนักงานพลังงานสากล.