บังคลาเทศช่วย 23 โรฮิงญาจากค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ตำรวจบังคลาเทศระบุว่า ได้ช่วยเหลือวัยรุ่นหญิงชาวมุสลิมโรฮิงญา 23 คน หลังจากถูกนำตัวออกจากค่ายผู้ลี้ภัยไปที่กรุงธากาเพื่อจะถูกส่งตัวไปมาเลเซียโดยทางเครื่องบิน
ตำรวจในกรุงธากายังจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุค้ามนุษย์ได้ 4 ราย ซึ่งเป็นคู่รักชาวโรฮิงญาหนึ่งคู่ และยึดหนังสือเดินทางของบังคลาเทศได้กว่า 50 เล่มจากพวกเขาเมื่อวันที่ 11 พ.ค.
Mokhlesur Rahman โฆษกตำรวจระบุว่า ได้บุกจู่โจมที่พักแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของเมือง และพบวัยรุ่นหญิงซ่อนตัวในห้องหลังร้านตัดเสื้อ
“ พวกเหยื่อคิดว่าจะได้งานทำในมาเลเซีย และพวกเธอถูกพาออกมาจากค่ายผู้ลี้ภัยในค็อกซ์ บาซาร์ ” ตำรวจกล่าวกับกับสื่อ AFP โดยระบุถึงค่ายอพยพผู้ลี้ภัยที่ตั้งอยู่ในเขตชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ในบังคลาเทศ
ทางการเชื่อว่า กลุ่มวัยรุ่นหญิง วัย 15 – 19 ปีกลุ่มนี้ อาจเป็นเหยื่อที่ถูกล่อลวงมาเพื่อบีบบังคับให้เป็นหญิงขายบริการ
“ เราได้ส่งฟ้องผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมาทั้ง 4 ราย และส่งตัวบรรดาเด็กผู้หญิงกลับไปที่ค่ายผู้ลี้ภัยในค็อกซ์ บาซาร์แล้ว” Rahman กล่าว
Abul Khair ผู้บังคับการตำรวจในเมือง Ukhiya ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายผู้ลี้ภัย Kutupalong ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระบุว่า ตำรวจได้รับตัวกลุ่มวัยรุ่นหญิงและส่งกลับไปที่ค่ายแล้ว
ชาวมุสลิมโรฮิงญาประมาณ 740,000 คนอพยพหลบหนีการปราบปรามของทหารเมียนมาตั้งแต่เดือนส.ค.2560 และเดินทางข้ามพรมแดนมาที่บังคลาเทศ สมทบกับชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ก่อนหน้านี้แล้วกว่า 300,000 คนในค่ายผู้ลี้ภัย
เนื่องจากสิ้นหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีและมีอนาคตทางการเงิน ทำให้ผู้ลี้ภัยสาววัยรุ่นถูกล่อลวงชักจูงได้ง่ายจากกลุ่มค้ามนุษย์ที่แฝงตัวอยู่ในค่าย
ที่ผ่านมา ผู้ลี้ภัยนับพันคนยอมเสี่ยงชีวิตเดินทางมามาเลเซียและประเทศไทย โดยทางเรือ เมื่อทะเลอ่าวเบงกอลสงบ ก่อนฤดูมรสุมช่วงสิ้นเดือนพ.ค.
โดยทางการบังคลาเทศได้หยุดชาวโรฮิงญากว่า 300 คนในปีนี้ จากความพยายามที่จะเสี่ยงลอยเรือออกทะเลไป
ขณะที่หลายคนพยายามจะเดินทางด้วยเครื่องบินไปมาเลเซีย และประเทศตะวันออก กลาง โดยจัดหาหนังสือเดินทางและเอกสารการเดินทางของบังคลาเทศ
Jishu Barua ผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือในการป้องกันการค้ามนุษย์ ระบุว่า เขาได้จัดการกับคดีค้ามนุษย์นับร้อยคดีในค่ายผู้ลี้ภัยช่วง 6 สัปดาห์ล่าสุด
“แต่ตัวเลขนี้เป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ยังคงเกิดขึ้นจริง” เขากล่าวกับสื่อ AFP.