สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าเพิ่ม
สหรัฐฯขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่ช่องว่างการขาดดุลการค้ากับจีนแคบเข้ามาท่ามกลางกรณีพิพาททางการค้าที่ยังดำเนินอยู่
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามที่จะทำให้มูลค่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับจีนลดลงด้วยการปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.
โดยภาพรวม ตัวเลขการขาดดุลการค้าประจำเดือนของสหรัฐฯในด้านสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 1.58 ล้านล้านบาท ) จากการเผยแพร่ข้อมูลของสำนักสำมะโนสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. โดยบริษัทอเมริกันนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่าส่งออก เนื่องจากได้แรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น
การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.1% สะท้อนให้เห็นการซื้อซัพพลายและวัสดุด้านอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แต่ชาวอเมริกันซื้อสินค้าบริโภคลดลง เช่น โทรศัพท์มือถือ ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตในจีน
ตัวเลขการส่งออกเติบโตในระดับเกือบเท่าเดิม โดยได้แรงหนุนจากการจัดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและถั่วเหลืองของสหรัฐฯ
โดยการขาดดุลการค้ากับจีนลดลง 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมาอยู่ที่ 23,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 755,174 ล้านบาท ) ในเดือนมี.ค. ขณะที่การนำเข้าจากจีนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
ช่องว่างกับจีนลดลงประมาณ 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะมีมาตรการกำแพงภาษีกับสินค้าจีน ซึ่งเป็นความพยายามที่จะกดดันจีนให้หวนสู่โต๊ะเจรจา
ภาษีที่ปรับขึ้นใหม่ทำให้สินค้าหลายอย่างที่ผลิตในจีนมีราคาแพงขึ้นสำหรับธุรกิจอเมริกัน สร้างแรงจูงใจให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯ เปลี่ยนไปซื้อสินค้าจากที่อื่น หลายบริษัทเริ่มปรับเปลี่ยนซัพพลายเชน เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี แต่กระบวนการดำเนินการต้องใช้เวลา ขณะเดียวกัน ผู้นำเข้าสินค้าก็ยกภาระส่วนนี้ไปที่ผู้บริโภค
ประธานาธิบดีทรัมป์เน้นย้ำว่าจีนเป็นผู้จ่ายภาษี แต่บริษัทอเมริกันเลือกที่จะยอมแบกรับค่าใช้จ่ายเพื่อให้ยังสามารถแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯ โดยผลสำรวจจากหลายสำนักชี้ว่า ผู้บริโภคและผู้ผลิตอเมริกันเป็นผู้รับภาระภาษีทั้งหมดนี้เป็นส่วนใหญ่
ทีมเจรจาจากจีนเดินทางมาที่วอชิงตันเพื่อเจรจาการค้าต่อไป แต่เมื่อวันที่ 6 พ.ค. สำนักการค้าสหรัฐฯระบุว่า ทางปักกิ่งกลับลำสวนทางกับข้อตกลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และยืนยันว่า ทรัมป์จะปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 200,000 ล้านดอลลาร์เป็นอัตรา 25% จากอัตราเดิม 10% โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.
ทั้งนี้ ทรัมป์ยังได้ขู่จะปรับขึ้นภาษีเพิ่มอีกกับสินค้าอื่นๆของจีนที่ในปัจจุบันไม่ถูกเก็บภาษีซึ่งจะส่งผลกระทบกับสินค้าบริโภคอีกหลายรายการ ทั้งไอโฟน ของเล่นเด็ก และรองเท้า.