ทรัมป์กดดันญี่ปุ่นผลิตรถเพิ่มในสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กดดันนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่นให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นผลิตรถมากขึ้นในสหรัฐฯ อ้างอิงจากคำแถลงการณ์ของการประชุมที่เรียบเรียงโดยทูตสหรัฐฯประจำญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ผู้นำทั้งสองประเทศปรึกษากันเรื่องการประกาศต่อสาธารณะของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นไม่นานมานี้ รวมทั้งบริษัทโตโยต้ามอเตอร์ที่ตัดสินใจจะลงทุนเพิ่มขึ้นในโรงงานที่สหรัฐฯ
“ เราคุยกันเกี่ยวกับความต้องการที่จะเห็นความเคลื่อนไหวมากขึ้นในทิศทางนั้น แต่ผมคิดว่าท่านประธานาธิบดีรู้สึกดีที่เราจะเห็นการขยับเคลื่อนไหวมากขึ้น เพราะ ทิศทางการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเช่นนั้น” เอกอัครราชทูต William Hagerty กล่าวเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ผู้นำสหรัฐฯกล่าวในระหว่างแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งในกรีนเบย์
รัฐวิสคอนซินว่า นายกฯอาเบะระบุว่า ญี่ปุ่นจะลงทุนจำนวน 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1.28 ล้านล้านบาท ) ในโรงงานผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ โดยเขาไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องกำหนดเวลาของแผนการลงทุน
โดยบริษัทโตโยต้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นระบุในเดือนมี.ค.ว่า บริษัทจะลงทุนเกินกว่าจำนวนที่เคยให้คำมั่นไว้ในปี 2560 คือ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 320,300 ล้านบาท ) ภายใน 5 ปี ด้วยข้อผูกพันใหม่ที่จะทำให้มูลค่าการลงทุนสูงเกือบ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 416,390 ล้านบาท ) ภายในระยะเวลาที่กำหนด
ทรัมป์กระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเพิ่มอัตราการจ้างงานในสหรัฐฯ โดยทำเนียบขาวขู่ว่าจะเก็บภาษีถึง 25% กับรถยนต์นำเข้า ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ทรัมป์ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯและญี่ปุ่นจะบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีใหม่ในช่วงเวลาที่เขาไปเยือนญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.
“ เราต้องการให้มั่นใจว่าสหรัฐฯมีเงื่อนไขการค้ากับญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่น่าพอใจไม่น้อยหน้าประเทศอื่นๆ” ทูต Hagerty กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว
โดยเขากล่าวเสริมว่า ทรัมป์มีแผนจะเข้าร่วมประชุมผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม G-20 ที่จะจัดขึ้นที่นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย.ปีนี้.