กราดยิงหน้าคลับในออสเตรเลีย ดับ 1
ซิดนีย์ – เมื่อวันที่ 13 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า เกิดเหตุกราดยิงหน้าสถานบันเทิงในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “บาดเจ็บร้ายแรง” และเสียชีวิตในเวลาต่อมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้ชายอีก 3 ราย แต่ล่าสุดยังไม่มีเบาะแสที่เชื่อมโยงไปถึงการก่อการร้ายแต่อย่างใด
ประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศที่มีกฎหมายควบคุมการใช้ปืนที่เข้มงวดที่สุดในโลก หลังเหตุสังหารหมู่ครั้งรุนแรงในปี พ.ศ.2539 เมื่อมือปืนได้กราดยิงผู้คนในท่าเรืออาร์เธอร์ รัฐทัสมาเนีย จนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 35 ราย
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า เหตุกราดยิงเมื่อวันที่ 13 เม.ย.เกิดขึ้นในช่วงเวลา 03.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น ในย่านแหล่งรวมสถานบันเทิงย่านพราห์อัน ซึ่งเป็นย่านชานเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองมลเบิร์น
แอนดรูว สแตมเปอร์ สารวัตรสืบสวนคดีฆาตกรรมระบุว่า “ดูเหมือนว่าผู้ลงมือได้กราดยิงจากในตัวรถ โดยเล็งไปที่ฝูงชนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสถานบันเทิง”
เหยื่อที่ “บาดเจ็บร้ายแรง” จากเหตุกราดยิงในครั้งนี้ อยู่ในบริเวณใกล้กับรถของมือปืน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 1 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยอีกรายยังอยู่ในอาการวิกฤต และอีก 2 รายเพิ่งพ้นจากอาการบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกตำรวจหญิงให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ว่า ยังไม่มีหลักฐานหรือเบาะแสที่ระบุว่าการโจมตีในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
บนถนนด้านนอกและทางเข้าสถานบันเทิง เลิฟ แมชชีน ยังคงมีเศษเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด และปลอกประสุนบางส่วนกระจัดกระจายอยู่ในเช้าวันที่ 14 เม.ย.
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กำชับให้พยานที่เห็นยานพาหนะใด ๆ ที่ใช้ความเร็วในช่วงเวลา 03.00 น.แจ้งเบาะแส และได้ระบุว่า พบรถปอร์ช SUV สีดำที่ถูกเผา ในย่านโวลเลิร์ต เขตชานเมืองทางเหนือของเมลเบิร์น ภายหลังเหตุกราดยิง
ยังไม่มีการจับกุมผู้กระทำผิดแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนต่อไป
ในปีก่อน ทางตะวันตกของออสเตรเลีย ได้มีการเหตุกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดหลังคดีที่ท่าเรืออาร์เธอร์ เมื่อมีการฆาตกรรมสมาชิกในครอบครัว 7 คน ก่อนผู้กระทำผิดจะฆ่าตัวตายตาม
เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ประเทศเพื่อนบ้านอย่างนิวซีแลนด์ เพิ่งบังคับใช้กฎหมายแบนอาวุธกึ่งอัตโนมัติ และปืนไรเฟิลจู่โจม หลังเกิดเหตุกราดยิงในมัสยิด 2 แห่งที่เมืองไครสต์เชิร์ช จนมีผู้เสียชีวิตถึง 50 ราย.