รายได้หัวเว่ยทะลุแสนล้านดอลลาร์
รายได้ของบริษัทหัวเว่ยเติบโตขึ้นถึง 19.5% ในปี 61 ทะลุหลัก 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเป็นครั้งแรก ถึงแม้จะมีแรงต้านทางการเมืองจากหลายประเทศทั่วโลกก็ตาม
โดยยอดขายของหัวเว่ยอยู่ที่ 721,200 ล้านหยวน (107,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) หรือราว 3.42 ล้านบาท ในปีที่แล้ว รายได้สุทธิอยู่ที่ 59.300 ล้านหยวน หรือราว 283,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 25.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยรายได้เติบโตเร็วกว่าที่เคยเห็นในปี 60 แต่กำไรสุทธิชะลอตัวลงเล็กน้อย
ตัวเลขรายได้ทำให้บริษัทมีความหวังที่สดใสขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนัก โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ยกประเด็นความกังวลว่าอุปกรณ์โครงข่ายของหัวเว่ยจะถูกใช้งานเพื่อสอดแนมความลับให้รัฐบาลจีนได้ และหัวเว่ยต้องปฏิเสธคำกล่าวหานี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แรงขับเคลื่อนสำคัญของบริษัทคือธุรกิจผู้บริโภค โดยรายได้เติบโตขึ้นถึง 45.1% เมื่อเทียบกับปี 60 มาอยู่ที่ 348,900 ล้านหยวน เป็นครั้งแรกที่ธุรกิจเพื่อผู้บริโภคโดยตรงกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทหัวเว่ย
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามกดดันชาติพันธมิตรให้แบนหัวเว่ย ไม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงข่ายเทคโนโลยี 5G ขณะที่บางประเทศอย่างเยอรมนีไม่ขานรับกับทางสหรัฐฯ แต่หลายประเทศทั้งออสเตรเลียและสหราชอาณาจักรก็มีท่าทีกีดกันหัวเว่ยไม่ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงข่ายเทคโนโลยี 5G
แต่ปัญหาล่าสุดเกิดขึ้นอีกเมื่อวันที่ 28 มี.ค.เมื่อรัฐบาลสหราชอาณาจักรออกโรงเตือนว่าอุปกรณ์
สื่อสารโทรคมนาคมของหัวเว่ยก่อให้เกิดประเด็นด้านความปลอดภัยอย่างเห็นได้ชัด ผลการพิสูจน์นี้ทำให้คำเตือนของสหรัฐฯมีน้ำหนักมากขึ้น
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.กั๋วปิง หนึ่งในประธานที่มีการสลับเปลี่ยนกันของหัวเว่ยระบุในการแถลงข่าวว่า “ความมั่นคงทางไซเบอร์และการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของนโยบายบริษัท”
“ หนทางที่ง่ายที่สุดในการพังป้อมปราการคือการโจมตีจากภายใน และหนทางที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้แกร่งขึ้นคือจากภายนอก” เขากล่าว
“ ขับเคลื่อนไปข้างหน้า เราจะทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อกำจัดสิ่งรบกวนภายนอก ปรับปรุงพัฒนาการจัดการ และทำให้ก้าวหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเรา”.