นักลงทุนชี้สหรัฐฯ/จีนปิดดีล ตลาดโต 15%
ถึงแม้จะมีท่าทีเดินหน้าถอยหลังไปมาระหว่างทีมเจรจาการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯและประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน แต่ในที่สุดแล้ว สหรัฐฯและจีนจะทำข้อตกลงทางการค้าได้ อ้างอิงจากความเห็นของนักลงทุนรายหนึ่ง
เมื่อมีข้อตกลงเกิดขึ้น ตลาดจะเติบโตถึง 15% หรือมากกว่านั้นสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ แจ็คสัน หว่อง รองผู้อำนวยการที่ Huarong International Securities ให้ความเห็น
“ มีข่าวลือว่า ภายในสิ้นเดือนเม.ย. ดีลจะบรรลุได้ประมาณ 90% และภายในเดือนมิ.ย. จะมีการลงนามในข้อตกลงได้” หว่องกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการของสื่อ CNBC
คำทำนายของหว่องมีขึ้นหลังจากตลาดพุ่งขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักลงทุนจำนวนมากขึ้นว่า สหรัฐฯและจีนจะมีการลงนามในข้อตกลงทางการค้าได้
“ ตอนนี้ นักลงทุนในจีน หรือนักลงทุนจากทั่วโลกกำลังคาดหวังว่า จะมีดีลเกิดขึ้น พวกเขาคาดหวังมาตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่แล้ว ดังนั้น ผมคิดว่าตลาดเริ่มขยับขึ้นตั้งแต่จุดนั้น” เขาระบุ
โดยตลาดยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีกในไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ หว่องกล่าว ตลาดจะพุ่งขึ้นอีกระดับเมื่อผู้นำทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลง
เขายังกล่าวต่อไปว่า ดีลนี้จะส่งผลกระทบด้านบวกกับเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม หว่องตระหนักว่า มีความแตกต่างในความเห็นของทั้งสองฝ่าย แต่เขาระบุว่าเขายังคงมองในแง่บวกว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความเห็นพ้องกันในที่สุด
“ การเจรจาก็ไม่แย่นัก ความแตกต่างหลักคือ ในความเห็นของผมคือมันแก้ไขได้ จีนอยากให้ยกเลิกภาษีทั้งหมด และสหรัฐฯอยากให้พูดในส่วนการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการถ่ายทอดเทคโนโลยี” หว่องกล่าวกับ CNBC
“ หากทั้งสองประเทศยอมอ่อนข้อให้กันอีกนิด บางที มาตรการภาษีอาจมีต่ออีกหน่อย และจีนอาจให้สหรัฐฯ คุมนโยบายมากขึ้น และพวกเขาก็จะบรรลุดีล” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม หว่องระบุว่า ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯกับจีนยังคงอ่อนแออยู่
“ ทั้งสองประเทศต่างอยู่ในจุดที่อ่อนไหว และความเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันอาจทำลายความเชื่อถือซึ่งกันและกันได้ ” เขากล่าว “ นักลงทุนยังคงระมัดระวังและตื่นตัวว่า ทรัมป์และประธานสีจะพบกันเมื่อไร ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้”.