สงครามการค้าทำสหรัฐฯ เสียหาย 7.8 พันล้านดอลลาร์
การต่อสู้ทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเสียหายถึง 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 248,274 ล้านบาท ในปี 61 จากผลการศึกษาโดยทีมนักเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ ซึ่งตีพิมพ์ในสัปดาห์นี้
ทีมผู้เขียนรายงานระบุว่า พวกเขาวิเคราะห์ผลกระทบระยะสั้นจากมาตรการของทรัมป์และพบว่า การนำเข้าลดลง 31.5% และการส่งออกลดลง 11% นอกจากนี้ ยังพบว่าตัวเลขผู้บริโภคและผู้ผลิตลดลงจากค่าใช้จ่ายในการนำเข้าโดยรวมถึง 68,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ หลังจากคำนวณรายได้จากภาษีที่สูงขึ้น และกำไรของผู้ผลิตในประเทศ ตัวเลขที่เสียไปคือ 7,800 ล้านดอลลาร์” หรือคิดเป็น 0.04% ของ GDP อ้างอิงจากรายงาน
โดยผลการศึกษาจัดทำโดยทีมนักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยเยล และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส (UCLA) และตีพิมพ์โดยสำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ
จากที่เรียกตัวเองว่า ‘มนุษย์ภาษี’ ทรัมป์ให้คำมั่นในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง และเมื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีว่าจะลดจำนวนการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยหยุดการนำเข้าสินค้าที่มาจากการค้าที่ไม่เเป็นธรรม และทบทวนการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าเสรีใหม่
เขาเน้นนโยบายกีดกันทางการค้าเพื่อคุ้มครองการผลิตของสหรัฐฯ ทำให้สหรัฐฯ และจีนต่างขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าของกันและกันและกลายเป็นสงครามการค้าระหว่างกัน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังขึ้นภาษีกับสหภาพยุโรป และประเทศคู่ค้าสำคัญอื่นๆด้วย
ผู้เขียนรายงานระบุว่า ขณะที่ภาษีของสหรัฐฯ ดูจะเอื้อประโยชน์ในการแข่งขันทางการเมืองในหลายประเทศ แต่การขึ้นภาษีโต้ตอบสินค้าสหรัฐฯ จากประเทศอื่นกลับส่งผลเสียหายมากกว่าประโยชน์ที่สหรัฐฯได้
“ เราพบว่าแรงงานในภาคส่วนการค้าที่เป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกันเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านลบมากที่สุดจากสงครามการค้า” กลุ่มผู้ทำวิจัยระบุ
สอดคล้องกับรายงานฉบับนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ลดลงสองเดือนติดต่อกันในเดือนก.พ. และกิจกรรมโรงงานในรัฐนิวยอร์กลดลงต่ำสุดในรอบเกือบสองปีในเดือนมี.ค.นี้ เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯชะลอตัวลงในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้.