ไฟไหม้ป่าออสเตรเลียรุนแรง
เกิดเหตุไฟไหม้ป่ารุนแรงในรัฐวิกตอเรีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ทำลายบ้านเรือนพังเสียหายจำนวนมากและบีบให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้านของพวกเขา
ไฟป่าเกิดขึ้นจากเหตุฟ้าผ่าในสัปดาห์ก่อน จากการรายงานของ Andrew Crisp คณะกรรมการบรรเทาภัยพิบัติฉุกเฉิน โดยเขาระบุว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 4 มี.ค.มีไฟป่าทั้งหมด 19 จุดที่ยังคงลุกไหม้อยู่
“ นี่เป็นช่วงเวลาของความท้าทาย และกำลังจะเป็นเวลาที่วุ่นวายที่สุดสำหรับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และมีภารกิจบรรเทาภัยพิบัติฉุกเฉินทั่วทั้งรัฐ”
สำนักบรรเทาภัยพิบัติฉุกเฉินของรัฐได้ออกประกาศคำเตือนอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันนี้ โดยเตือนให้ผู้อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยให้พยายามหนีเอาชีวิตรอดทันที
“ สภาพอากาศร้อน แห้งแล้ง และมีแต่ควันในอากาศ” Trevor Owen เจ้าหน้าที่สำนักดับเพลิงออสเตรเลียระบุเมื่อวันที่ 3 มี.ค. “ มันเป็นงานยากและอันตรายมาก ต้องให้เครดิตอย่างที่สุดกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเรา”
นักผจญเพลิงกว่า 2,000 นายต้องไปปฏิบัติหน้าที่สู้กับไฟ และประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ Dan Andrews นายกรัฐมนตรีประจำรัฐวิกตอเรียระบุ
โดยในวันที่ 4 มี.ค. จุดหนึ่งของไฟป่า ในอุทยาน Bunyip ลุกลามกินบริเวณพื้นที่ประมาณ 28,400 เอเคอร์ หรือราว 71,852 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานไปทางใต้ยังคงมีคำสั่งให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ในเช้าวันที่ 4 มี.ค.
Graeme Moore นายกเทศมนตรีของ Cardinia Shire บรรยายสภาพไฟว่า “เป็นไฟที่เผาผลาญทำลายล้าง” ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ของออสเตรเลีย
Andrew Clarke ซึ่งเป็นเจ้าของไร่องุ่นภายในอุทยาน กล่าวกับสถานีช่อง 9 ว่าเขามองเห็นไร่องุ่นถูกไฟไหม้ที่ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เขาอาศัยอยู่และทำงานที่นั่นมานานกว่า 40 ปี
“ ผมเป็นทุกข์มากที่ลูกๆของผมอยู่ที่นั่น และเห็นปฏิกิริยาของพวกเขากับเรื่องทั้งหมด มันเลวร้ายมาก เป็นข่าวร้ายจริงๆ” Clarke กล่าว
“ ไร่องุ่นผมละลายหายไปหมดแล้ว ผมมีกำหนดเก็บองุ่นของผมเมื่อวานนี้ เป็นล็อตแรก ก็แค่นั้น เราสูญเสียทุกอย่าง” เขากล่าว
ขณะที่ Crisp ระบุว่า ทางการโชตดีในการสู้กับ Bunyip fire ในไม่กี่ชัวโมง และได้ลดระดับความรุนแรงของคำเตือนฉุกเฉินลงมาอยู่ในระดับเฝ้าระวัง
คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในรัฐนี้ในวันที่ 6 มี.ค. และอาจช่วยนักผจญเพลิงในการต่อสู้กับไฟป่า โดย Crisp iระบุว่า “ แต่เราไม่อาจจะพึงพอใจได้ในช่วง 2 – 3 วันข้างหน้านี้”.