รายได้บุคคลสหรัฐฯลดในรอบกว่า 3 ปี
รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐฯลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปีในเดือนม.ค.ปีนี้ เนื่องจากเงินปันผลและการจ่ายดอกเบี้ยลดลง ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตระดับปานกลางในการใช้จ่ายของผู้บริโภคหลังจากเคยดิ่งเหวมากที่สุดในเดือนธ.ค.52
เมื่อวันที่ 1 มี.ค.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯระบุว่า รายได้บุคคลลดลง 0.1% ในเดือนม.ค.นับเป็นการปรับลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.58 และตามหลังตัวเลขเดิมที่เคยเติบโตอยู่ที่ 1.0% ในเดือนธ.ค.61
รายได้ลดลงในส่วนเงินปันผล ทรัพย์สินของเจ้าของฟาร์ม และรายได้จากดอกเบี้ย ค่าจ้างปรับขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค.61
โพลจากนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์คาดการณ์ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. โดยกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ตีพิมพ์สัดส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคของเดือนม.ค.เป็นรายงานเนื่องจากมีความล่าช้าในการเก็บรวบรวมและดำเนินการของข้อมูลเพราะการชัทดาวน์รัฐบาลบางส่วนเป็นเวลานานถึง 35 วันที่ยุติลงในวันที่ 25 ม.ค.
โดยกระทรวงรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ลดลง 0.5% ในเดือนธ.ค. 61 เป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.52 เป็นต้นมา และตามหลังการเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย.61
ครัวเรือนตัดการใช้จ่ายในการซื้อยานพาหนะ และสินค้าสันทนาการลงในเดือนธ.ค. นำไปสู่ตัวเลขที่ลดลง 1.9% ในการใช้จ่ายซื้อสินค้า ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านบริการที่เพิ่มขึ้น 0.1% กลับถูกฉุดลงด้วยการใช้จ่ายในครัวเรือนทั้งไฟฟ้าและแก๊ส
เมื่อประเมินในแง่เงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 0.6% ในเดือนธ.ค. 61 เป็นการดิ่งเหวลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.52 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย.61
ข้อมูลถูกรวมอยู่ในรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในไตรมาส 4 ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเติบโตในอัตรา 2.8% ต่อปีในไตรมาสสุดท้ายของปี 61 ชะลอตัวลงกว่าในไตรมาส 3 ที่มีการเติบโตถึง 3.5% ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตในอัตรา 2.6% ในไตรมาสเดือนต.ค. – ธ.ค. หลังจากเคยพุ่งถึง 3.4% ในไตรมาส 3
การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างชัดเจนในเดือนธ.ค.61 ทำให้มีการคาดการณ์ว่าการบริโภคจะลดลงในไตรมาสแรก และส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอีกในไตรมาสแรกของปีนี้.