มุนจะช่วยทรัมป์-คิมเจรจาให้บรรลุผล
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ระบุว่า เขาจะประสานความร่วมมือในการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯและประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือเพื่อให้บรรลุข้อตกลง
โดยการประชุมซัมมิตครั้งที่ 2 ระหว่างสองผู้นำในกรุงฮานอยของเวียดนามล่มลงอย่างไร้ข้อตกลงในวันที่ 28 ก.พ. เนื่องจากมีความขัดแย้งกันเรื่องมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของสหประชาชาติที่มีสหรัฐฯเป็นผู้นำ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ไม่พอใจที่ประธานาธิบดีคิมเรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์และฐานยิงทดสอบขีปนาวุธบางส่วนในเกาหลีเหนือ ก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงการเจรจาเรื่องการปลดอาวุธในคาบสมุทรเกาหลีในอนาคต
“ ผมเชื่อว่า นี่เป็นส่วนที่จะช่วยให้มีบรรลุข้อตกลงในระดับที่สูงขึ้น ตอนนี้บทบาทของเรายิ่งมีความสำคัญมากขึ้น” ประธานาธิบดีมุนระบุในสุนทรพจน์ที่เขากล่าวในการรำลึกถึงวันชาติของเกาหลีใต้
“ รัฐบาลของผมจะติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิดและประสานความร่วมมือกับทั้งสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ เพื่อช่วยให้การเจรจาบรรลุผลอย่างสมบูรณ์ในทุกเงื่อนไข” ผู้นำเกาหลีใต้กล่าว
โดยประธานาธิบดีมุนยังระบุว่า เกาหลีใต้จะปรึกษากับสหรัฐในประเด็นการท่องเที่ยวที่ภูเขาคัมกัง และการดำเนินการในนิคมอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งทั้งสองแห่งอยู่ในเกาหลีเหนือ
เกาหลีใต้ระงับการดำเนินการในนิคมอุตสาหกรรมร่วมในแกซอง หลังจากเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธในปี 2559 นับเป็นการตัดแหล่งรายได้สำคัญของเกาหลีเหนืออีกทางหนึ่ง
เกาหลีเหนือเองยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือทำรายได้จากการท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่ภูเขาคัมกังประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 952 ล้านบาทต่อปี จากการประเมินของกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้
มุนยังระบุอีกว่า การประสานความน่วมมือระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ยิ่งเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
“ เมื่อความเจ็บปวดของเหยื่อได้รับการเยียวยาจากความพยายามผลักดันที่ผ่านมา เกาหลีและญี่ปุ่นจะกลายเป็นมิตรแท้ด้วยความเข้าใจกันอย่างที่สุด” มุนกล่าวอย่างไม่เฉพาะเจาะจง
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นไม่ดีนักตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อเกาหลีใต้ยกเลิกกองทุนที่จะกำหนดค่าชดเชยให้กับสตรีชาวเกาหลีใต้ที่ถูกบังคับให้ทำงานในซ่องของทหารญี่ปุ่นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ ศาลสูงสุดของเกาหลีใต้ยังมีคำพิพากษาให้บริษัทญี่ปุ่นจ่ายเงินชดเชยให้แรงงานเกาหลีใต้ที่ถูกบังคับให้เป็นแรงงานของญี่ปุ่นในระหว่างสงครามด้วย