อดีตเจ้าสาวไอซิส ถูกถอนสัญชาติอังกฤษ
รัฐบาลอังกฤษแจ้งกับครอบครัวของน.ส.ชามีมา เบกัม วัย 19 ปี ซึ่งเดินทางไปซีเรียและแต่งงานกับนักรบของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสเมื่อสี่ปีก่อนว่า จะถอนสัญชาติอังกฤษของเธอ อ้างอิงจากทนายความของครอบครัวเธอ
จากแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดย Tasnime Akunjee ทนายความของครอบครัวเบกัมระบุว่า ทางครอบครัว “ รู้สึกผิดหวังมากกับเจตนาของกระทรวงมหาดไทยที่มีคำสั่งเพิกถอนสัญชาติอังกฤษของชามีมา เรากำลังพิจารณากระบวนการทางกฎหมายเพื่อโต้แย้งการตัดสินใจนี้”
ในจดหมายจากกระทรวงที่ถูกส่งมาถึงครอบครัวของเบกัม และถูกรายงานทาง ITV News กระทรวงมหาดไทยระบุว่า รมว.กระทรวงมหาดไทย Sajid Javid เป็นผู้ตัดสินใจในการเพิกถอนสัญชาติเมื่อวันที่ 19 ก.พ. โดยทางกระทรวงยังไม่ได้ให้ความเห็นในประเด็นนี้กับทางสื่อ
ทั้งนี้ ชามีมามีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งนี้ผ่านกระบวนการทางศาล อ้างอิงจากจดหมาย เธอไม่ทราบว่าเธอมีสัญชาติในประเทศอื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจนว่าเธอจะมีชะตากรรมอย่างไรหากเธอสูญเสียสัญชาติอังกฤษ
ในปี 2558 ชามีมา ซึ่งอาศัยอยู่ในย่าน Bethnal Green ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน และมีอายุเพียง 15 ปี กลายเป็นข่าวดังเมื่อเธอเดินทางไปซีเรีย พร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นอีก 2 คนในช่วงที่กลุ่มก่อการร้ายไอซิสเรืองอำนาจ และประกาศรับสมัครผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันจากหลายประเทศในยุโรป
วัยรุ่นสาวทั้งสามเดินทางออกจากท่าอากาศยาน Gatwick และมุ่งหน้าเดินทางไปตุรกี จากนั้นก็นั่งรถโดยสารต่อไปจนถึงพรมแดนซีเรีย พวกเธอกลายเป็นสาวในโปสเตอร์ที่พวกไอซิสใช้เพื่อดึงดูดใจวัยรุ่นชายจากตะวันตกเข้าร่วมเป็นนักรบของกลุ่ม
นักข่าวอังกฤษพบเธอในค่ายผู้ลี้ภัยในซีเรียในสภาพท้องแก่ใกล้คลอด เธอเล่าว่าเด็กคนนี้เป็นลูกคนที่ 3 โดยก่อนหน้านี้เธอมีลูก 2 คนกับหนุ่มจากเนเธอร์แลนด์ที่เข้าร่วมเป็นนักรบให้ไอซิส และเด็กๆเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ ในสัปดาห์ก่อน เธอกล่าวกับนักข่าวว่าเธออยากจะกลับมาใช้ชีวิตเงียบๆในอังกฤษกับลูกของเธอ หลังสามีของเธอยอมจำนนและถูกกักตัวในค่ายที่ซีเรีย โดยในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรก เธอกล่าวว่าไม่รู้สึกเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมาของเธอ
ไม่กี่วันต่อมา เธอก็ให้กำเนิดลูกชาย และวิงวอนกับสื่อขอกลับมาอยู่ในอังกฤษเพื่อความปลอดภัยและสภาพการเลี้ยงดูที่ดีของลูกชายเธอ
ในสัปดาห์นี้ รมว.Javid เขียนบทความพิเศษให้กับสื่อ Sunday Times ว่า เขาจะขัดขวางกลุ่มที่เคยเดินทางไปร่วมรบกับไอซิสไม่ให้กลับเข้ามาที่อังกฤษได้อีก โดยระบุว่า กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจในการห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีสัญชาติอังกฤษผ่านเข้าประเทศ หรือสามารถเพิกถอนสัญชาติอังกฤษของบุคคลที่เป็นอันตรายได้ โดยเขาระบุว่า เขาได้ใช้อำนาจของเขาในการถอนสัญชาติไปแล้วกว่า 100 ครั้ง
“ ในฐานะรมว.กระทรวงมหาดไทย สิ่งสำคัญลำดับแรกของผมคือปกป้องความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศนี้ และจะไม่ยอมให้ใครละเมิดได้”
“ นี่ไม่ใช่การตัดสินจากอารมณ์และความเห็นใจ เรามองความจริงในแต่ละกรณี ในแง่กฎหมายและภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ” เขาระบุ.