ค้าปลีกสหรัฐฯดิ่งสุดในรอบ 9 ปี
ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ดิ่งร่วงที่สุดในรอบกว่า 9 ปีในเดือนธ.ค.2561 โดยลดลงในทุกภาคส่วน ชี้ให้เห็นถึงการชะลอตัวในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาของสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.อีกข้อมูลยังชี้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงริบหรี่ เนื่องจากมีจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอใช้สิทธิสวัสดิการคนว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขในช่วงเดือนนี้ขยับขึ้นไปสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 ปี เป็นสัญญาณชี้วัดว่าการเติบโตของงานเริ่มทรงตัว
ยังมีสัญญาณเงินเฟ้อเล็กน้อยในเศรษฐกิจ ด้วยราคาผู้ผลิตที่ลดลงในเดือนม.ค.ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 2 เงินเฟ้อปรับลดลงและดีมานด์ในประเทศที่อ่อนลงหนุนธนาคารกลางสหรัฐฯให้คำมั่นที่จะ “อดทน” ก่อนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ “ นี่ชี้ว่า คำว่า ‘อดทน’ จะอยู่ในระบบของเฟดในบางเวลา ” เจนนิเฟอร์ ลี นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสที่ BMO Capital Markets ในโตรอนโตให้ความเห็น
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ยอดค้าปลีกลดลง 1.2% นับเป็นการปรับลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 ในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากการถดถอย มีการปรับลดข้อมูลในเดือนพ.ย. ลงเล็กน้อยเพื่อชี้ให้เห็นถึงยอดค้าปลีกที่ขยับขึ้นเพียง 0.1% แทนที่จะเป็น 0.2% อย่างที่มีรายงานก่อนหน้านี้
ในเดือนธ.ค.2561 ยอดขายออนไลน์และสั่งซื้อทางไปรษณีย์ลดลง 3.9% ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2551 ขณะที่ยอดซื้อเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์ก็ปรับลดลงเช่นกัน ชาวอเมริกันลดการใช้จ่ายในร้านอาหารและบาร์ลง ยอดขายสินค้าสันทนาการ เครื่องดนตรีและร้านหนังสือลดลงถึง 4.9% นับเป็นการดิ่งร่วงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 เป็นต้นมา
มีการรายงานตัวเลขค้าปลีกเดือนธ.ค.ในปีที่ผ่านมาล่าช้าไปจากเดิมเนื่องจากมีการชัทดาวน์รัฐบาลกลางบางส่วนเป็นเวลานานถึง 35 วัน และยุติลงในวันที่ 25 ม.ค.
ขณะที่รายงานของกระทรวงแรงงานระบุว่า การขอยื่นรับสิทธิสวัสดิการคนว่างงานเพิ่มขึ้นถึง 4,000 คนมาอยู่ที่ 239,000 คนในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ.