คาดเจรจาการค้าสหรัฐฯ- จีนจะบรรลุผล
รองนายกรัฐมนตรีหลิวเหอของจีนจะเป็นหัวหน้าคณะเจรจาระดับสูงของจีนในการเจรจาทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งนำโดย Robert Lightizer ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และ Steven Mnuchin รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งวันที่ 14 – 15 ก.พ.นี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มที่จะเสนอมาตรการเพื่อลดความความแตกต่างด้านเศรษฐกิจและการค้า และประสานความร่วมมือระหว่างกันให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
อ้างอิงจากกระทรวงพาณิชย์ จากพื้นฐานการเจรจาในกรุงวอชิงตัน จีนและสหรัฐฯจะมีการปรึกษากันต่อไปในประเด็นความกังวล โดยผู้แทนการค้าสหรัฐฯเดินทางถึงกรุงปักกิ่งในวันที่ 11 ก.พ.
จีนและสหรัฐฯมีความขัดแย้งทางการค้ามานานหลายเดือน ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในช่วงการพักรบทางการค้าเป็นเวลานาน 90 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.61 เมื่อประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ นอกรอบในระหว่างการประชุมกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ G-20 ในอาร์เจนตินา
เว่ยเจียนกั๋ว รองประธานศูนย์แลกเปลี่ยนเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีนระบุว่า การเจรจาทางการค้าจีน – สหรัฐฯมีสัญญาณที่ก้าวหน้าขึ้นครั้งใหญ่ ขณะที่จูมี นักวิจัยที่สถาบันเพื่อความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีนระบุว่า หลายบริษัทในสองประเทศไม่ต้องการให้ยุติความร่วมมือ จูมีกล่าวว่า ในการเรียกร้องให้มีบรรยากาศที่มีเสถียรภาพ จะต้องมีการบรรลุข้อตกลงของความร่วมมือในหลายระดับที่แตกต่างกัน
ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 40 ปีของการก่อตั้งความร่วมมือทางการทูตของสหรัฐฯกับจีน โดยในปี 2560 มูลค่าการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯสูงถึง 630,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่ายทะลุ 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อ้างอิงจากกระทรวงพาณิชย์
Nicholas Burns อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯระบุว่า ความสัมพันธ์จีน – สหรัฐฯ เป็น “ความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดที่ทั้งสองประเทศมี” สหรัฐฯและจีน กำลังเผชิญความท้าทายในความสัมพันธ์ทวิภาคี คือควรเรียนรู้ที่จะแข่งขันกัน รวมทั้งประสานความร่วมมือกันด้วย
ซูร่งจิว รองผอ.สมาคมจีนเพื่อการศึกษา WTO ซึ่งมีสำนักงานในกรุงปักกิ่งย้ำว่า สหรัฐฯไม่ควรมองจีนว่าเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ ประเทศไม่ควรถูกวัดจากขนาดเศรษฐกิจ แต่ควรวัดจากระดับการพัฒนา โดยชี้ว่าในแง่ของ GDP ต่อหัวประชากร จีนยังคงถูกจัดเป็นประเทศกำลังพัฒนา
ทั้งนี้ ประชาคมโลกควรให้พื้นที่จีนมากขึ้นในการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งการให้บริษัทต่างชาติเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้น และสนับสนุนการลงทุนในการยกระดับอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาให้กลายเป็นเมือง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ เขากล่าว.