ตุรกีโวยจีนทำกับอุยกูร์น่าละอาย
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ตุรกีประณามการปฏิบัติของจีนที่มีต่อกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมอุยกูร์ว่าเป็น “เรื่องน่าละอายของมนุษยชาติ” ยิ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับคำวิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่มีต่อการควบคุมตัวชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาเติร์กของทางการจีน
“ นโยบายทำให้ทุกคนเหมือนกันอย่างเป็นระบบของทางการจีนที่มีต่อชาวอุยกูร์เติร์กเป็นความน่าละอายของมนุษยชาติ ” Hami Aksoy โฆษกกระทรวงต่างประเทศของตุรกีระบุในแถลงการณ์
ภูมิภาคซินเจียงซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ที่ซึ่งคนชาติพันธุ์อุยกูร์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดของตำรวจจีนในช่วงหลายปีมานี้ หลังจากเกิดความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และมีการปะทะกันอย่างรุนแรงกับเจ้าหน้าที่
มีรายงานว่า ชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาเติร์กเกือบ 1 ล้านคนในจีนถูกควบคุมตัวอยู่ในค่ายอบรมการศึกษาและอาชีพ อ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญในหน่วยงานของสหประชาชาติ โดยทางการจีนระบุว่า “ศูนย์การศึกษาด้านอาชีพ” ช่วยประชาชนให้อยู่ห่างจากการก่อการร้าย และทำให้พวกเขาได้รับการบูรณาการเพื่อเข้าสู่สังคม
แต่นักวิจารณ์ระบุว่า จีนค่อยๆทำให้ประชากรคนกลุ่มน้อยในซินเจียงใช้ชีวิตเหมือนกันและกลมกลืนไปกับชาวจีน นอกจากนี้ ยังกดดันวิธีการปฏิบัติทางศาสนาและวัฒนธรรมที่ขัดแย้งกับแนวคิดของระบอบคอมมิวนิสต์ และวัฒนธรรมของชาวฮั่น
“ ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้วว่าชาวอุยกูร์เติร์กกว่า 1 ล้านคน ซึ่งถูกจับกุมตัวตามใจชอบแบบเผด็จการ ตกเป็นเป้าหมายในการทรมานและล้างสมองทางการเมืองอยู่ในศูนย์กักกันและเรือนจำ” Aksoy ระบุในแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศตุรกี “ชาวอุยกูร์ที่ไม่ได้ถูกควบคุมตัวในค่ายก็ถูกกดดันเช่นกัน ” เขาเสริม
ตุรกีเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติและอันโตนิโอ กูเตเรส เลขาธิการสหประชาชาติ “ มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อยุติโศกนาฎกรรมของมนุษย์ในภูมิภาคซินเจียง” ขณะที่ประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ไม่มีปากเสียงในประเด็นนี้ ไม่มีการวิจารณ์รัฐบาลจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของหลายประเทศ
Aksoy ยังกล่าวว่าตุรกีได้ทราบถึงการเสียชีวิต “ที่แสนเศร้า” จากกระบวนการยุติธรรมของจีนเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ของกวีและนักดนตรีชาวอุยกูร์ชื่อ Abdurehim Heyit
“ เรารับรู้เรื่องนี้ด้วยความเศร้าใจว่า กวี Abdurehim Heyit ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี ได้เสียชีวิตลงในปีที่ 2 ที่เขาถูกจำคุก” เขากล่าว
“เหตุการณ์เศร้าสะเทือนใจนี้ ยิ่งตอกย้ำให้ชาวตุรกีมีปฏิกริยากับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในภูมิภาคซินเจียง”