โอเปกหวังยืดเวลาคุมน้ำมันต่ออีกหลายปี
มีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันโอเปกพยายามทำข้อผูกพันกับรัสเซียและประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นเพื่อให้สามารถควบคุมซัพพลายน้ำมันในตลาดต่อไปอีก 3 ปี
กลุ่มโอเปกและพันธมิตรบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2559 ในการลดเพดานการผลิตน้ำมันเพื่อยุติวิกฤตราคาน้ำมันตกต่ำ โดยทั้งยี่สิบกว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันยกเลิกการลดเพดานการผลิตในปีที่แล้ว แต่ตกลงกันที่จะลดเพดานการผลิตน้ำมันลงอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังจากราคาน้ำมันตกต่ำนาน 3 เดือน
Mohammed Barkindo เลขาธิการกลุ่มโอเปก และบรรดารมว.กระทรวงพลังงานของแต่ละประเทศต้องการให้กลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่ใช่โอเปกเป็นกลุ่มประเทศพันธมิตรเป็นการถาวร แต่รัสเซียปฏิเสธความคิดนี้เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน บางประเทศในโอเปก รวมทั้งซาอุดิอาระเบียและสหรํฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังพยายามที่จะจับกลุ่มประเทศพันธมิตรให้คงความร่วมมือกันต่อไปอีกหลายปี สื่อวอลสตรีทเจอร์นัลรายงาน
“ เป็นความพยายามที่จะกำหนดกรอบตามความสัมพันธ์ ” Helima Croft หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์โภคภัณฑ์ทั่วโลกที่ RBC Capital Markets กล่าวกับ CNBC เธอกล่าวว่า ชัดเจนว่าโอเปกไม่อยากให้รัสเซียออกจากกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม โฆษกกลุ่มโอเปกยังไม่มีความเห็นในประเด็นนี้
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในกลุ่มโอเปกกล่าวกับสื่อว่า ราคาน้ำมันที่ดิ่งเหวเป็นเหตุผลที่ทำให้สมาชิกทุกประเทศตกลงที่จะมีการบริหารจัดการ โดยความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจะช่วยหนุนตลาดน้ำมัน เพราะจะทำให้ผู้ค้ามั่นใจในเสถียรภาพของโอเปกและกลุ่มประเทศพันธมิตร
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นมาประมาณ 12 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลอยู่ที่ประมาณ 62 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงไป 42% แต่ราคาระหว่างประเทศขยับอยู่ที่ประมาณ 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ
รัสเซียอยู่ในตำแหน่งเพื่อการปรับสมดุลงบประมาณในระดับปัจจุบันที่ดีกว่าซาอุดิอาระเบีย ซึ่งต้องการให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ประมาณ 73 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล อ้างอิงจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอใหม่มีแนวโน้มจะเจอการคัดค้านจากภายในกลุ่มประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอิหร่านซึ่งคัดค้านการจัดตั้งพันธมิตร แหล่งข่าวในโอเปกกล่าวกับสื่อ เพราะอิหร่านกังวลว่ารัสเซียและซาอุฯจะมีอิทธิพลมากขึ้น ขณะที่กลุ่มโอเปก ทั้งอัลจีเรีย อังโกลา อิรัก และไนจีเรีย ผลักดันแนวคิดที่จะมีพันธมิตรเป็นการถาวร ซึ่งจะทำให้ซาอุฯและรัสเซียมีอิทธิพลมากขึ้น อ้างอิงจากวอลสตรีทเจอร์นัล.