เสื้อกั๊กเหลืองประท้วงสัปดาห์ที่ 12
ผู้ประท้วง ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ รวมตัวกันเดินขบวนไปทั่วกรุงปารีสและในอีกหลายเมืองของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 2 ก.พ.นับ เป็นการรวมตัวชุมนุมกันต่อเนื่องกันเป็นสัปดาห์ที่ 12 เพื่อประท้วงรัฐบาล แม้โพลความเห็นล่าสุดจะชี้ว่า ความนิยมใน ตัวประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงฟื้นตัวขึ้นแล้วก็ตาม
โดยการประท้วง (ซึ่งตั้งชื่อตามเสื้อกั๊กสีสะท้อนแสงที่คนขับรถยนต์ในฝรั่งเศสต้องมีประจำไว้ในรถของตัวเองตามกฎหมาย) เริ่มต้นขึ้นช่วงกลางเดือนพ.ย.ปี 61 เพื่อประท้วงแผนขึ้นภาษีน้ำมันเพิ่มเติมก่อนที่จะพัฒนาข้อเรียกร้องในการประท้วงให้ลุกลามกว้างขวางยิ่งขึ้นกับรัฐบาล โดยมีจำนวนผู้ประท้วงหลายหมื่นคนทั่วประเทศในทุกวันเสาร์
รัฐบาลประกาศเตือนเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ลังเลใจที่จะยิง flash ball ในกรณีที่ผู้เดินขบวนก่อให้เกิดเหตุรุนแรงหลังจากตำรวจได้รับอำนาจจากศาลสูงสุดของฝรั่งเศส
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ผู้ประท้วงแสดงความเคารพให้กับผู้บาดเจ็บในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และประณามการใช้ flash ball เป็นอาวุธปราบจลาจลของตำรวจซึ่งมีการแบนการใช้อาวุธปืนในหลายประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป
ทั้งนี้ มีตำรวจประมาณ 1,000 นายและผู้ประท้วงประมาณ 1,700 คนที่ได้รับบาดเจ็บนับตั้งแต่เริ่มมีการประท้วง อ้างอิงจากตัวเลขของทางการ
“ เป็นความจริงที่อาวุธนี้ทำให้บาดเจ็บ แต่เมื่อต้องเผชิญกับผู้ก่อเหตุจลาจล ตำรวจจำเป็นต้องป้องกันตัวเองกับผู้ที่เข้ามาโจมตีพวกเขา ” Christophe Castaner รมว.กระทรวงมหาดไทยระบุ
โพลสำรวจความเห็นประชาชนล่าสุดชี้ว่า ความนิยมในตัวผู้นำฝรั่งเศสฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากเขาจัดให้มีการดีเบตใน ศาลากลางเมืองหลายแห่ง เพื่อรับฟังความเห็นของประชาชน
โดยโพล Har โดยโพล Harris Interactive ซึ่งรวบรวมจากการสำรวจความเห็นของประชาชน 1,000 คน ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ชี้ว่า มาครงได้คะแนนความนิยมตีตื้นขึ้นมา 4% นับตั้งแต่เดือนธ.ค. ทำให้คะแนนความนิยมในตัวเขาอยู่ที่ 35 %
ผู้ประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บจากการเดินขบวนก่อนหน้านี้ ถูกจัดให้อยู่แถวหน้า โดยบางคนสวมที่ปิดตา เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจาก fire ball ของตำรวจ ขณะที่ รมว.กระทรวงมหาดไทยระบุว่ามีการเคลื่อนกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 80,000 นาย ซึ่งรวมทั้ง 5,000 นายในกรุงปารีสในการรับมือกับผู้ประท้วง.