โซนีเตรียมย้ายHQไปเนเธอร์แลนด์หนีเบร็กซิท
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. โฆษกของบริษัทโซนีระบุว่า เตรียมย้ายสำนักงานประจำยุโรปที่ตั้งอยู่ในอังกฤษ ไปยังเนเธอร์แลนด์ เพื่อหลีกปัญหาศุลกากรที่เกี่ยวข้องกันกับประเด็นเบร็กซิท แต่บริษัทปัจจุบันที่ตั้งอยู่ในอังกฤษก็จะยังคงดำเนินการต่อไปตามปกติ
นายทาคาชิ อีดะ โฆษกของบริษัทโซนี บอกกับทางสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “ บริษัทของเราจะย้ายตำแหน่งสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปที่มีการขึ้นทะเบียนไปยังเนเธอร์แลนด์ ” ภายในสิ้นเดือนมี.ค.ที่จะถึงนี้
การย้ายสำนักงานใหญ่ในครั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากของขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากร หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ขึ้นทะเบียนบริษัทใหม่ในเนเธอร์แลนด์แล้วเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา รวมถึงได้วางแผนที่จะรวมสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรเป็นบริษัทใหม่
การย้ายสำนักงานใหญ่ในครั้งนี้จะทำให้บริษัทโซนีกลายเป็น บริษัทที่มีฐานบริษัทอยู่ในสหภาพยุโรป ดังนั้นบริษัทโซนีในยุโรปก็จะนำขั้นตอนด้านภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปมาใช้ หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกไปจากกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทโซนีจะไม่มีการโยกย้ายบุคลากรหรือการดำเนินการใด ๆ จากบริษัทในสหราชอาณาจักรไปยังบริษัทแห่งใหม่ในเนเธอร์แลนด์แน่นอน และนายทาคาชิยังได้เสริมอีกว่า สิ่งเดียวที่จะมีการเปลี่ยนแปลงก็คือการขึ้นทะเบียนสถานที่สำหรับบริษัทเท่านั้น
เมื่อปีก่อน บริษัทคู่แข่งของโซนีอย่าง พานาโซนิก ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปจากอังกฤษไปยังเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากกังวลว่าอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับภาษีหลังเบร็กซิท
บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอีกหลายแห่ง ทั้ง MUFG บริษัทโนมูระ โฮลดิง บริษัทไดวา และบริษัทซูมิโตโม มิตซุอิ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ต่างระบุว่าได้วางแผนที่จะย้ายสำนักงานใหญ่ในสหภาพยุโรปออกจากกรุงลอนดอนเช่นกัน
ในสัปดาห์ก่อน รัฐสภาอังกฤษได้ปฏิเสธข้อตกลงการถอนตัวของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ทำให้สหราชอาณาจักรต้องออกจากสหภาพยุโรปตามกำหนดการณ์ในวันที่ 29 มี.ค. โดยไม่มีข้อต่อรองใด ๆ
นายกหญิงได้ให้สัญญาว่าจะพยายามแก้ไขข้อตกลงอีกครั้ง แต่นักวิจารณ์ระบุว่า เธอจะทำไม่สำเร็จและรัฐสภาจะต้องเข้าควบคุมปัญหาดังกล่าว
บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้มีการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปพร้อมการผ่อนปรนและพ่วงข้อตกลงด้วย รวมไปถึงมาตรการพิเศษช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังสหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากกลุ่ม
เคย์ดันเร็น องค์กรล็อบบี้ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นระบุไว้เมื่อปีก่อนว่า เหล่าบริษัทจากญี่ปุ่นก็ยังหวังว่าอังกฤษและสหภาพยุโรปจะกระชับสายสัมพันธ์ทางธุรกิจให้ใกล้ชิดกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หลังมีการแยกตัว.