นักวิทย์เผยอาหารเพื่อสุขภาพ
นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยอาหารในอุดมคติเพื่อสุขภาพของผู้คนและของโลกใบนี้ ซึ่งคือการบริโภคถั่ว ผลไม้ ผัก ให้มากขึ้นเป็นสองเท่า และลดการบริโภคเนื้อสัตว์และน้ำตาลลงครึ่งหนึ่ง
นักวิจัยระบุว่า หากคนในโลกนี้ปฏิบัติได้ตามมื้ออาหารเพื่อสุขภาพนี้ จะสามารถป้องกันไม่ให้ผู้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้มากกว่า 11 ล้านคนในแต่ละปี ขณะที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจะอนุรักษ์ผืนดิน น้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพได้มากขึ้น
“ อาหารที่เรากิน และที่เราผลิตชี้ให้เห็นถึงสุขภาพของผู้คนและโลกใบนี้ และเรากำลังทำผิดมหันต์ ” Tim Lang ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยลอนดอน ซึ่งเป็นผู้ร่วมทำวิจัยระบุ
การให้อาหารประชากรที่จะมีจำนวนถึง 10,000 ล้านคนภายในปี 2593 ด้วยอาหารที่มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน จะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่มีการเปลี่ยนรูปแบบนิสัยการกิน การปรับปรุงการผลิตอาหาร และลดขยะอาหาร เขากล่าว “ เราจำเป็นต้องยกเครื่องครั้งสำคัญ เปลี่ยนแปลงระบบอาหารทั่วโลกในขนาดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ”
อาหารที่แย่เป็นความเชื่อมโยงที่ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคภัย ทั้งความอ้วน โรคเบาหวาน ภาวะทุพโภชนาการ และมะเร็งหลายชนิด นักวิจัยระบุว่า อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตและมีโรคภัยทั่วโลกมากกว่า การมีเซ็กส์ที่ไม่ปลอดภัย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติดและบุหรี่รวมกัน
โดยรายงานระบุว่าการบริโภคอาหารเฉลี่ยทั่วโลก เช่น เนื้อแดง และน้ำตาลควรลดง 50% ขณะที่ต้องบริโภคถั่ว ผัก ผลไม้ และพืชตระกูลถั่วให้มากขึ้นเป็นสองเท่า
สำหรับแต่ละศาสนา นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ อย่างเช่น ในอเมริกาเหนือ ที่ประชากรมีการบริโภคเนื้อแดงมากกว่าปริมาณที่แนะนำเกือบ 6.5 เท่า ขณะที่ประชากรในเอเชียใต้บริโภคอาหารในปริมาณเพียงครึ่งหนึ่งของมื้ออาหารที่แนะนำ
การทำให้ได้ตามที่แนะนำอย่างพืชที่มีแป้ง เช่น มันฝรั่งและมันสำปะหลัง ต้องมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับประเทศในแอฟริกาในพื้นที่ทะเลทรายซาฮารา ที่ซึ่งประชากรบริโภคมากกว่าปริมาณที่แนะนำถึง 7.5 เท่า
การนำเสนอข้อมูลของอาหารเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ผู้วิจัยระบุว่า พวกเขาทราบว่าเป็นความทะเยอทะยานมากเกินไปที่จะหวังให้ทุกคนในโลกนี้ยอมรับและปฏิบัติตาม เพราะมีความเหลื่อมล้ำอย่างมากในการเข้าถึงอาหารในโลกนี้
“ ประชากรมากกว่า 800 ล้านคนมีอาหารไม่เพียงพอ ขณะที่คนจำนวนมากบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้มีการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและมีโรคภัย “ Walter Willett จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐฯ
“ มันดีกว่า หากเราจะพยายามลองทำดู และให้เข้าใกล้ตามที่แนะนำมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ” เขากล่าว