หัวเหว่ยเจอปัญหาต่อเนื่อง
เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ย่ำแย่ของหัวเหว่ย โดยผู้บริหารฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทถูกจับกุมในข้อหาสอดแนมความลับในโปแลนด์เมื่อวันที่ 10 ม.ค.และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ห้ามไม่ให้มีการจัดส่งอุปกรณ์ของบริษัทกลับมาที่ฮ่องกงในสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่ประธานบริหารฝ่ายการเงินของหัวเหว่ยถูกจับกุมเมื่อเดือนธ.ค.ปีก่อนที่แคนาดา
รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งแสดงเจตนาที่จะต่อต้านหัวเหว่ยมานาน มีการดำเนินการอย่างจริงจังขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับจีนกำลังตึงเครียด โดยความเคลื่อนไหวที่ต่อต้านหัวเหว่ยก่อให้เกิดการตั้งคำถามที่ว่า บริษัทจะสามารถขยายการเติบโตของอุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ในกลุ่มประเทศตะวันตกได้อย่างไร และบริษัทอื่นอย่างแอปเปิลจะแข่งขันกับบริษัทได้อย่างไรในตลาดจีนที่ผู้บริโภคต่างพากันเห็นใจหัวเหว่ย
นี่เป็น 3 กรณีใหญ่ในสัปดาห์นี้ที่เกี่ยวข้องกับหัวเหว่ย และผลกระทบที่มีกับบริษัท
โดยหัวเหว่ย ซึ่งถูกกล่าวหามานานว่ากระทำการสอดแนม, ขโมยความลับทางการค้า และละเมิดการคว่ำบาตรของสำนักข่าวกรองสหรัฐฯ ออกมาปฏิเสธคำกล่าวหาเหล่านั้น โดยบางส่วนของข้อโต้แย้งของบริษัทคือ ผู้บริหารไม่เคยถูกตั้งข้อหาจารกรรมอย่างเป็นทางการ
แต่เรื่องราวเปลี่ยนไปเมื่อวันที่ 10 ม.ค. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโปแลนด์จับกุมผู้บริหารชาวจีนของหัวเหว่ยในประเทศ
อ้างอิงจากรายงานข่าวของสื่อวอลสตรีทเจอร์นัล โดยชายคนนี้เป็นผู้บริหารฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายการขาย เขาถูกควบคุมตัวพร้อมกับเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศรัฐบาลโปแลนด์ โดยข้อกล่าวหาในโปแลนด์คือผู้บริหารหัวเหว่ยสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการเก็บรวบรวมข้อมูลของรัฐบาลผ่านอุปกรณ์ของบริษัท
ในสัปดาห์นี้ Futurewei Technologies บริษัทวิจัยและพัฒนาของหัวเหว่ยในแคลิฟอร์เนียถูกแบนไม่ให้มีการจัดส่งอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและซอฟท์แวร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ กลับไปที่ฮ่องกง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ หัวเหว่ยมีศักยภาพสูงในการผลิตอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี 5G แต่หลังจากสหรัฐฯออกมาระบุว่า หัวเหว่ยเป็นบริษัทที่รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน จึงมีความกังวลด้านความมั่นคง ทำให้หลายประเทศแบนหัวเหว่ยไม่ให้เข้าร่วมในการประมูลเทคโนโลยี 5G ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
สหรัฐฯยังมีเวลาจนถึงสิ้นเดือนม.ค.นี้ที่จะยื่นขอให้แคนาดาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดีในสหรัฐฯ หลังเมิ่งว่านโจว ซีเอฟโอของหัวเหว่ยถูกจับกุมที่แคนาดาตามคำขอของสหรัฐฯ
เพื่อเป็นการตอบโต้ในกรณีนี้ มีรายงานว่าจีนจับกุมตัวชาวแคนาดาที่ทำงานในจีนอย่างน้อย 13 ราย และขู่จะมี
มาตรการโต้ตอบหากแคนาดาส่งตัวเมิ่งให้สหรัฐฯ โดยเธอถูกกล่าวหาว่า มีส่วนรู้เห็นกับการทำธุรกรรมผิดกฎหมายผ่านธนาคารนานาชาติระหว่างซัพพลายเออร์ของหัวเหว่ยในฮ่องกงและอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ
ยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯจะเดินหน้าเรื่องการส่งตัวเมิ่งจากแคนาดามาที่สหรัฐฯหรือไม่ หรือแคนาดาจะพยายามแก้ไขปัญหาในประเทศตัวเอง โดยทูตจีนประจำแคนาดาระบุว่า ความต้องการของแคนาดาที่จะให้จีนปล่อยตัวพลเมืองของตัวเองที่ถูกจีนควบคุมตัวถือเป็นตัวอย่างที่เห็นชัดคือการปฏิบัติแบบ “สองมาตรฐาน” และ “เชื่อว่าคนผิวขาวอยู่เหนือคนอื่น”.