“คิม”พร้อมประชุม”ทรัมป์”
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือยืนยันถึงความตั้งใจของเขาในการแก้ไขการปลดอาวุธในคาบสมุทรเกาหลี แต่เตือนว่า เขาอาจต้องใช้ทางเลือกอื่น หากสหรัฐฯยังคงบีบบังคับเปียงยางให้ตัดสินใจเพียงลำพัง
ในวาระขึ้นปีใหม่ ประธานาธิบดีคิมระบุว่า เขาอยากจะประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อีกครั้งในเวลาใดก็ได้ เพื่อให้บรรลุเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ และกระตุ้นให้ทางวอชิงตันมีการตอบรับเพื่อเร่งกระบวนการทั้งหมดให้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือไม่มี “ ทางเลือก นอกจากจะค้นพบหนทางใหม่เพื่อปกป้องอธิปไตยของเรา ” หากสหรัฐฯ “ ประเมินความอดทนของประชาชนของเราผิดไป บีบบังคับเรา และยังคว่ำบาตร กดดันเราโดยไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ต่อหน้าคนทั้งโลก ” ประธานาธิบดีคิมระบุในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
ยังไม่ชัดเจนว่า “ หนทางใหม่ ” ที่ผู้นำเกาหลีเหนืออ้างถึงคืออะไร ความเห็นของเขาส่งผลทำให้เกิดความสงสัยว่า ทางเปียงยางตั้งใจจะยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ที่เป็นโครงการสำคัญของความมั่นคงประเทศจริงหรือไม่
ประธานาธิบดีคิมและประธานาธิบดีทรัมป์ให้คำมั่นที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์ และสร้างสันติภาพที่ยาวนานและมีเสถียรภาพระหว่างกันในการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ที่สิงคโปร์ในเดือนมิ.ย. แต่มีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย และภาพถ่ายดาวเทียมชี้ให้เห็นว่าเกาหลีเหนือยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง
เกาหลีเหนือเรียกร้องให้สหรัฐฯยกเลิกการคว่ำบาตร และประกาศยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงการทำลายฐานทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
นอกจากนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือยังเรียกร้องให้เกาหลีใต้ ยุติการร่วมซ้อมรบโดยสิ้นเชิงกับสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ ขณะที่ควรมีการเจรจาพหุภาคีเพื่อสร้างสันติภาพอย่างถาวรบนคาบสมุทรเกาหลี
“ ตอนนี้ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจบนเส้นทางของสันติภาพ และความมั่งคั่ง เรายืนยันว่าไม่ควรมีการซ้อมรบร่วมกับกองทัพต่างประเทศอีกต่อไป และควรหยุดการใช้งานอาวุธสงคราม อย่างทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์อย่างสิ้นเชิง ” คิมกล่าว
นักวิเคราะห์ระบุว่า ข้อความที่คิมส่งมา มีความชัดเจนว่าเกาหลีเหนือมีเจตนาที่จะพูดคุยกับทางวอชิงตันและโซลในปีนี้ แต่อยู่บนเงื่อนไขของตัวเอง “ เกาหลีเหนือดูจะตั้งใจให้ปี 2562 เป็นปีที่มีการผ่อนคลายการคว่ำบาตรลง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือ ทีมทำงานของทรัมป์มีเจตนาที่จะผ่อนคลายการคว่ำบาตรจริงหรือไม่ ? ” Harry J.Kazianis ประจำศูนย์ผลประโยชน์ของชาติที่ตั้งอยู่ในวอชิงตันกล่าว
“ คำพูดของคิมดูจะชี้ว่า ความอดทนของเขาที่มีกับอเมริกาเริ่มลดน้อยลง ”
ในปี 2560 ผู้นำเกาหลีเหนือใช้สุนทรพจน์เพื่อเรียกร้องให้มีการลดความตึงเครียดและปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ และเปลี่ยนไปมุ่งเน้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งผลให้ในปีที่แล้ว เขามีการประชุมกับประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ถึง 3 ครั้ง และมีการประชุมครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนมิ.ย.
ในการกล่าวสุนทรพจน์ประจำปีนี้ที่กินเวลานานประมาณ 30 นาที เขาใช้เวลามากกว่า 20 นาทีในการพูดเน้นที่ประเด็นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ คิมระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีได้เข้าสู่เฟสใหม่อย่างสมบูรณ์แล้ว และเขาตั้งใจที่จะมีโครงการเศรษฐกิจร่วมกันกับเกาหลีใต้ อย่างนิคมอุตสาหกรรมในแกซอง และการท่องเที่ยวที่ภูเขาคึมกัง โดยไม่มีเงื่อนไข.