ญี่ปุ่นเตรียมคุมเข้มบ.เทคโนโลยียักษ์ใหญ่
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ญี่ปุ่นมีแผนจะคุมเข้มข้อปฏิบัติของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง กูเกิล และเฟซบุ๊ก หลังจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มีการควบคุมให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งทางด้านการแข่งขันในตลาดและด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ญี่ปุ่นได้เดินตามแนวทางของประเทศอื่น ๆ ในการเข้าตรวจสอบบทบาทสำคัญของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก ประกอบด้วยบริษัทใหญ่ 4 แห่ง อย่าง กูเกิล แอปเปิล เฟซบุ๊ก อเมซอน
ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดทำรายงานที่อ้างอิงจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่กระตุ้นให้มีแผนการควบคุมตรวจสอบกฎระเบียบภายในปีหน้า
แม้ว่าจะสร้างผลประโยชน์ แต่บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ พยายามที่จะปิดประตูทางการค้าในตลาดเทคโนโลยีผ่านคุณสมบัติต่าง ๆ ภายในตัวบริษัทเอง อย่างค่าใช้จ่ายต่ำ และการประหยัดต่อขนาด
รายงานดังกล่าวได้เรียกร้องให้ปรับปรุงการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ให้ดีมากยิ่งขึ้น และให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น รวมถึงยังเรียกร้องความโปร่งใสจากบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ควบคุมการเข้าถึงตลาดอีกด้วย
เจ้าหน้าที่กระทรวงการค้าให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าว AFP ว่า ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า “ทางรัฐบาลจะประกาศหลักการจัดการสำหรับข้อปฏิบัติใหม่อย่างเป็นทางการตามรายงานดังกล่าว”
เจ้าหน้าที่ต่อต้านการผูกขาดทางการค้าของญี่ปุ่นได้ระบุว่า ได้วางแผนที่จะเข้าตรวจสอบบริษัทระดับโลกว่าได้มีการใช้ตำแหน่งผู้นำตลาดมาเป็นเครื่องมือในการเอาเปรียบผู้ได้รับสัมปทานหรือกีดขวางการแข่งขันในตลาดหรือไม่
การตัดสินใจควบคุมกฏระเบียบของญี่ปุ่นเป็นผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ยุโรปคุมเข้าบริษัทเทคโนโลยีใหญ่จากสหรัฐฯก่อนหน้านี้
เมื่อต้นปี สหภาพยุโรปได้สั่งปรับบริษัทกูเกิลเป็นเงินมากที่สุดในประวัติการณ์ถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 163,540 ล้านบาท ในข้อหาผูกขาดทางการค้า โดยระบุว่า ทางกูเกิลได้ใช้ความนิยมในวงกว้างของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เพื่อโปรโมทบริการค้นหาของกูเกิลเองและปิดกั้นคู่แข่งรายอื่น ๆ
กูเกิลได้ยื่นอุทธรณ์การตัดสินดังกล่าว โดยได้โต้กลับว่าข้อกล่าวหาของทางสหภาพยุโรปไม่มีมูล แต่ในเดือนก่อนทางกูเกิลได้ระบุว่าจะยอมปฏิบัติตามการตัดสินเพื่อไม่ให้ถูกปรับอีกในอนาคต
เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ทางรัฐสภายุโรปได้ผ่านกฎหมายด้านลิขสิทธิ์ที่เป็นประเด็นของสหภาพยุโรปที่จะมอบอำนาจให้กับสำนักข่าวและค่ายเพลงมากยิ่งขึ้น เพื่อสู้กับบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล และเฟซบุ๊ก แม้ว่าทางบริษัทเหล่านี้ยืนยันว่าจะสู้กับกฎหมายดังกล่าวต่อไป