โบรกเกอร์จีนรายใหญ่เร่งสร้างยอดขาย 2 หมื่นล้าน
คลี่ม่าน Foreign Quota ระดับบิ๊กเนมในไทย “แองเจิล เรียลเอสเตทฯ” กำพอร์ตกว่าหมื่นล้าน ลูกค้าระดับแบรนด์ชั้นนำ แห่ใช้บริการเพียบ ” ไซม่อน ลี ” เผยอสังหาฯในไทยมีอนาคต เจาะตลาดตรงกลุ่มเป้าหมาย หนุนยอดขายกระฉูดแน่ ชี้ทรัพย์อสังหาฯในไทย ถูกกว่าต่างชาติ แถมยิวด์คุ้ม
นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการ บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะโควตาต่างประเทศ ( Foreign Quota ) กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพ เป็นประเทศเดียว ที่มีการแข่งขันในการดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้ราคาถูกลง โดยอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังดีอยู่ กลไกทางการตลาดยังคงปรับเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง บริษัทแองเจิลฯยังคงโฟกัสประเทศไทยอยู่ ชาวต่างชาติอยากเข้ามาลงทุน แต่ขึ้นอยู่กับนักพัฒนาโครงการอสังหาฯไทย ให้การสนับสนุนแค่ไหน
สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางตามเป้าที่วางไว้ กล่าวคือ สามารถสร้างผลงานด้านยอดขายให้กับบริษัทอสังหาฯในไทยได้อย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นช่วง 2 ปีแรก 2557-2558 ( 2014-2015 ) ขายได้ห้องชุดได้ 500 ยูนิต ( Unit ) ก่อนที่จะขยับยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในปี 2559 ( 2016 ) ขายได้ 1,000 ยูนิต ปี 2560 ( 2017 ) ขายได้ 2,000 กว่ายูนิต และปี 2561 ( 2018 ) ขายได้ 3,000 กว่ายูนิต ในปี 2562 ( 2019 ) วางเป้ามูลค่าการขาย 15,000-20,000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท หรือมีเป้าขายประมาณ 3,000-4,000 ยูนิต และในอนาคตอันใกล้จะเพิ่มยอดขายสู่ระดับ 35,000 ล้านบาท
ในขณะที่ บริษัทแองเจิลฯ เคยมีประสบการณ์ในการขายที่ประเทศจีน ฮ่องกง และฝรั่งเศล เพราะฉะนั้น เราคิดว่า กลยุทธ์ในการทำตลาดในประเทศไทยนั้น จะเริ่มจากนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เล็กๆ ก่อน เพื่อสร้างชื่อเสียง และเมื่อขายได้ดี จะสามารถขายให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ( แบรนด์ชั้นนำ ) ได้ โดยฐานลูกค้าของบริษัทนั้นตลาดใหญ่คือ ลูกค้ามาจากประเทศจีนสัดส่วน50% ประเทศในภูมิภาคเอเชียสัดส่วน 30% ประเทศฝรั่งเศลและประเทศเบลเยี่ยมสัดส่วน 15% และอีก 5% มาจากประเทศอื่นๆ
โดยในแผนธุรกิจในปี 2562 นั้น ในมุมมองของเรา ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทแองเจิลฯ จะโฟกัสที่ประเทศไทยเป็นหลัก แต่ในอนาคตแล้ว จะไปโฟกัสที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากราคาอสังหาฯปรับตัวดีขึ้น การท่องเที่ยวเติบโต แต่ก็ยังมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของเราอยู่ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2561 เราวิเคราะห์เห็นว่า ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เริ่มเปิดโครงการจนอาจจะล้นตลาด ขายราคาสูงเกินความเป็นจริง ทำให้ส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ และตลาดผู้ขายต่อไม่ค่อยดี เพราะราคาปรับสูงขึ้นมาสูงแล้ว ประกอบกับสินค้าในตลาดที่มีจำนวนมาก ทำให้เราคิดว่า ราคาน่าจะลง และผู้ลงทุนหลายๆ ราย ไม่ค่อยจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในปี2562 เนื่องจากต้องการรอราคาปรับลดลง ทำให้บริษัทแองเจิลฯ ต้องปรับแผนการตลาด ขยายตลาดจากไทย ไปโฟกัสที่ประเทศญี่ปุ่น กัมพูชา และประเทศตุรกี เป็นต้น.