คนขับแท็กซี่เกาหลีจุดไฟตัวเองประท้วงบริการคาร์พูล
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. คนขับแท็กซี่ชาวเกาหลีใต้ วางเพลิงเผาตนเองจนเสียชีวิตขณะร่วมการประท้วงบริการรถร่วมโดยสารส่วนบุคคลคล้ายอูเบอร์ ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศโดยผู้ให้บริการแอปพลิเคชันแชทบนโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
คนขับรถแท็กซี่ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากต่างออกมาประท้วงแสดงความไม่พอใจต่อบริการคาร์พูล(carpooling)ที่จัดตั้งโดยบริษัท คาเคาทอล์ก โดยพวกเขาระบุว่า บริการดังกล่าวจะสงผลกระทบคุกคามอาชีพและการเป็นอยู่ของพวกเขา
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอูเบอร์ ผู้ให้บริการคาร์พูลสัญชาติอเมริกัน ให้บริการในเกาหลีใต้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยปัจจุบันให้บริการเฉพาะรถแท็กซี่และรถยนต์ที่ได้รับใบอนุญาตขับขี่ร่วมเท่านั้น เนื่องจากต้องปิดตัวบริการหลักอย่างรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลเมื่อปี 2558 เนื่องจากเจอกับกระแสตีกลับของคนขับรถจำนวนมาก
แต่ตรงกันข้ามสำหรับทางบริษัทคาเคาทอล์กที่มีผู้ใช้ชาวเกาหลีใต้ทั่วประเทศมากกว่า 80% และในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ผู้ให้บริการหรือคนขับรถแท็กซี่จำนวนมากได้เดินขบวนในกรุงโซลเพื่อประณามบริการคาร์พูลที่กำลังจะเปิดให้บริการ และมีกำหนดเปิดตัวในสัปดาห์หน้า
ทางบริษัทคาเคาทอล์กได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริการคาร์พูลของบริษัทถูกกฎหมาย และถูกออกแบบมาเพื่อให้เคารพต่อกฏหมายการขนส่งในด้าน กรณียกเว้นสำหรับคาร์พูล โดยจะจับคู่เฉพาะคนขับและผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใกล้เคียงกันเท่านั้น
อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักข่าวยอนฮับ คนขับรถแท็กซี่วัย 57 ปี นามสกุลชเว ได้จุดไฟเผาตนเองด้านหน้าของอาคารรัฐสภาในโซล หลังจากได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับบริการคาร์พูลดังกล่าว
ทางสำนักข่าวยอนฮับได้ยกคำพูดของผู้ให้ข้อมูล โดยระบุถึงก่อนการก่อเหตุ นายชเวได้บอกกับคนขับรถแท็กซี่อีกรายว่า เขาต้องการจะจุดไฟเผาร่างตัวเอง เนื่องจากบริการคาร์พูลของบริษัทคาเคา
โดยทางตำรวจระบุว่า เขาราดน้ำมันบนตัว ก่อนจะนั่งในรถของเขาเองแล้วจึงจุดไฟ เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ก็เสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
นายชเวเป็นหัวหน้าสาขาสหภาพประจำบริษัทของเขาในกรุงโซล โดยก่อนหน้านี้ได้มีการรวมตัวสมาชิกระหว่างสมาคมอุตสาหกรรมแท็กซี่ 4 แห่ง และกลุ่มแรงงาน ได้เข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงซึ่งพวกเขาเรียกกันว่า การแก้ปัญหาเพื่อการอยู่รอด
ทั้งคนขับแท็กซี่และสมาชิกสมาคมต่างต่อต้านแผนการเปิดตัวบริการคาร์พูลของบริษัทคาเคาทอล์ก ที่เชื่อว่าจะสามารถเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้บริการซึ่งเป็นคนขับธรรมดากับผู้โดยสารในช่วงเวลาตอนเช้าและช่วงเย็นในชั่วโมงเร่งด่วน โดยพวกเขาระบุว่า บริการดังกล่าวของคาเคาทอล์กจะทำให้อุตสาหกรรมรถแท็กซี่ถึงจุดจบ.