CFO หัวเหว่ยอาจติดคุก 30 ปีถ้าถูกส่งตัวให้สหรัฐฯ
อัยการสหรัฐฯ ต้องการให้ผู้บริหารของบริษัทหัวเหว่ย ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในโลก ถูกตั้งข้อหาละเมิดการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ อ้างอิงจากการไต่สวนของศาลเมืองแวนคูเวอร์เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.
เมิ่งว่านจู ประธานบริหารฝ่ายการเงินของหัวเหว่ย วัย 46 ปี บุตรสาวของผู้ก่อตั้งบริษัท ซึ่งสำนักข่าวกรองสหรัฐฯกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ถูกจับกุมตัวในแคนาดาเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ตามคำร้องขอจากสหรัฐฯ
อัยการสหรัฐฯ ต้องการให้ส่งตัวเมิ่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ว่า เธอทำให้หัวเหว่ยมีความสัมพันธ์กับบริษัทที่สหรัฐฯ ระบุว่ามีการทำธุรกรรมกับอิหร่าน แม้ว่าสหรัฐฯจะมีการคว่ำบาตรอยู่ก็ตาม อ้างอิงจากหลักฐานที่มีการอ่านในระหว่างการไต่สวนที่ศาลเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.
โดยสหรัฐฯมีเวลา 60 วันในการยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้พิพากษาแคนาดาจะเป็นผู้วินิจฉัยว่ามีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับเมิ่ง ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับรมว.กระทรวงยุติธรรมแคนาดาที่จะตัดสินใจว่าจะส่งตัวเธอไปให้สหรัฐฯหรือไม่
หากมีการส่งตัวเธอไปสหรัฐฯ เมิ่งจะถูกตั้งข้อหามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับสถาบันการเงินหลายแห่ง โดยโทษสูงสุดคือจำคุก 30 ปีสำหรับข้อหาแต่ละกระทง
การไต่สวนเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.คือการเสนอข้อโต้แย้งเพื่อสนับสนุนและคัดค้านการปล่อยตัวเธอในระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีของศาล โดยผู้พิพากษาอาจปล่อยตัวเธอโดยไม่มีเงื่อนไข หรือเงื่อนไขที่เข้มงวด หรือตัดสินใจควบคุมตัวเธอไว้ในระหว่างนี้
โดยศาลให้ข้อมูลว่าจากปี 2552 – 2557 หัวเหว่ยใช้ Skycom Tech ซึ่งตั้งอยู่ในฮ่องกงเพื่อทำธุรกิจในอิหร่าน แม้สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปจะคว่ำบาตรก็ตาม เดือนม.ค.2556 สื่อรอยเตอร์รายงานว่า Skycon ซึ่งพยายามจะขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของ Hewlett – Packard ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามให้กับบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของอิหร่าน มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับหัวเหว่ยกว่าที่เคยทราบมาก่อนหน้านี้
เมิ่ง ซึ่งเคยใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Cathy และ Sabrina เคยเป็นบอร์ดบริหารของ Skycom ในระหว่างเดือน ก.พ. 2551 – เม.ย. 2552 อ้างอิงจากบันทึกของ Skycom และผู้บริหารหลายคนทั้งในอดีตและปัจจุบันของ Skycon ดูจะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับหัวเหว่ย
สหรัฐฯจับตามองสถานการณ์จนถึงปี 2558 ว่าหัวเหว่ยมีการละเมิดกฎหมายคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ สื่อรอยเตอร์รายงานในเดือนเม.ย.
สำนักข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวหาว่า หัวเหว่ยมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีนและอุปกรณ์ของบริษัทอาจบรรจุ ‘backdoors’ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสอดแนมของรัฐบาลจีน แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหามาแสดงต่อสาธารณะและบริษัทปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
เกิง ชวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนระบุเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ว่า ทั้งแคนาดาและสหรัฐฯไม่ได้ชี้แจงกับจีนถึงหลักฐานว่า เมิ่งได้ละเมิดกฎหมายในสองประเทศนี้ และย้ำว่าจีนเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเธอ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สองคนระบุเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการจับกุมในครั้งนี้
ขณะที่สื่อภาครัฐของจีนออกโรงตำหนิการควบคุมตัวเมิ่ง โดยกล่าวหาว่าสหรัฐฯพยายามจะ “ ยับยั้ง” หัวเหว่ยและควบคุมการขยายตัวเติบโตทั่วโลกของบริษัท
หัวเหว่ยระบุเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ว่า “ บริษัทได้รับทราบข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับข้อหา และไม่ทราบเรื่องการกระทำผิดของคุณเมิ่ง”
ทั้งนี้ โฆษกหัวเหว่ยปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ก่อนการขึ้นศาลของเธอ และระบุว่ายังคงยืนยันในแถลงการณ์ของบริษัทเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.
พนักงานของบริษัทที่ได้รับแจ้งจากจดหมายภายในกล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่า ในวันที่ 7 ธ.ค.บริษัทได้แต่งตั้งประธานเหลียงฮัวให้ทำหน้าที่ CFO แทน หลังการจับกุมตัวเธอ.