รัฐบาลฝรั่งเศสยังหยุดการประท้วงไม่ได้
รัฐบาลฝรั่งเศสกำลังพิจารณาทุกทางเลือกเพื่อควบคุมการประท้วงที่เกิดจากความไม่พอใจเรื่องการขึ้นภาษีน้ำมันและได้กลายเป็นความรุนแรงในกรุงปารีสในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โฆษกรัฐบาลรายงาน
โดยการแถลงที่สถานียุโรป 1 ของฝรั่งเศส Benjamin Griveaux โฆษกระบุว่า รัฐบาลฝรั่งเศสกำลังพิจารณาทุกมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้ รวมถึงการประกาศภาวะฉุกเฉิน
มีผู้ประท้วงถูกจับกุมตัวมากกว่า 400 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 133 คนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมาในเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วงจากความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ ซึ่งชุมนุมประท้วงราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและภาษีที่จัดเก็บกับการคมนาคมที่ก่อให้เกิดมลพิษ
มีประชาชนมาร่วมเดินขบวนประท้วงประมาณ 36,000 คนในการประท้วงทั่วประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ 1 ธ.ค. ทำให้เป็นการประท้วงต่อเนื่องกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว อ้างอิงจากรายงานของกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส โดยมีผู้เข้าร่วมในการประท้วงประมาณ 53,000 คนในสัปดาห์ที่แล้วและประมาณ 113,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า
ขณะที่โฆษก Griveaux ระบุว่า มีประชาชนประมาณ 1,000 – 1,500 คนที่เข้าร่วมในการเดินขบวนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. “ที่เข้าต่อสู้กับตำรวจ ทำลายทรัพย์สินและปล้นสะดม” โดยเขาเสริมว่าผู้ประท้วงเหล่านั้น “ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับกลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง”
ภาพจากตำรวจฝรั่งเศสที่แชร์เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.แสดงให้เห็นว่า ผู้ประท้วงไม่กี่คนเข้าทำลายรถตำรวจและฟาดกระจกหน้าแตก ขณะที่คลิปวีดีโอมีภาพรถยนต์ที่กำลังถูกเผาและตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ประท้วง
โฆษกกล่าวว่า Christophe Castaner รมว.กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสได้พูดถึงการประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงมหาดไทยมีกำหนดประชุมร่วมกันในเช้าวันที่ 2 ธ.ค. “เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้น และมาตรการที่เราควรใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง” เขากล่าว “ แต่ละสัปดาห์กลายเป็นเหมือนพิธีกรรมของความรุนแรง”
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลกระทบทำให้ราคาขายส่งน้ำมันทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น
แต่การประท้วงไปไกลกว่าเรื่องภาษีน้ำมัน โดยได้ขยายวงกว้างขึ้นเป็นการประท้วงต่อต้านตัวประธานาธิบดีมาครง รัฐบาลของเขา และความตึงเครียดระหว่างคนในเมืองที่ร่ำรวยกับคนในชนบทที่ยากจน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมาครงจุดประกายทำให้ผู้ประท้วงไม่พอใจ มากกว่ากลุ่มโอเปกที่ลดเพดานการผลิตน้ำมัน หรือสหรัฐฯที่มีมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมัน
ผู้ประท้วงจำนวนมากโกรธเคืองประธานาธิบดีมาครงที่ขยายนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมที่มีการเริ่มปฏิบัติเป็นครั้งแรกในสมัยอดีตประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์
การประท้วงที่รุนแรงและการทำลายทรัพย์สินในกรุงปารีส “ แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่เป็นการเดินขบวนอย่างสันติ ที่เกิดจากความไม่มีความสุข หรือพอใจอย่างถูกกฎหมายเลย” มาครงกล่าวเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ในการแถลงข่าวที่กรุงบัวโนสแอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ที่ซึ่งเขาเข้าร่วมในการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G20
“ ไม่มีเหตุผลที่ชอบธรรมกับการที่ตำรวจถูกทำร้าย มีการปล้นสะดมร้านค้า จุดไฟเผาอาคารของรัฐบาลและเอกชน ขู่คุกคามคนเดินถนนและนักข่าว และทำให้ประตูชัยฝรั่งเศสต้องมัวหมอง” ผู้นำฝรั่งเศสกล่าว ผู้ก่อเหตุร้ายจะถูกจับกุมและถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีในศาล เขาเสริม
ทันทีที่เขากลับมาถึงกรุงปารีสเมื่อวันที่ 2 ธ..ค. มาครงได้ไปเยือนประตูชัยฝรั่งเศส ที่ซึ่งเกิดเหตุประท้วงรุนแรงเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. เพื่อตรวจสอบความเสียหาย และแสดงความเคารพหลุมฝังศพของทหารนิรนามที่นั่น BFMTV รายงาน
นอกจากนี้ BFMTV รายงานว่า เขายังได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมการประท้วงด้วย .