“สี” กับ “เพนซ์” โต้เดือดในประชุมเอเปก
เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ผู้นำจีนและสหรัฐฯ แสดงวิสัยทัศน์ตอบโต้กันอย่างดุเดือดในการประชุม APEC ปีนี้ที่ปาปัว นิวกินีเมื่อ ท่ามกลางความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพูดถึงความจำเป็นสำหรับการร่วมมือกันทั่วโลกและการค้าในระดับนานาชาติ โดยระบุว่าการประชุมความร่วมมือเอเชีย-แปซิฟิก ไม่มีประเด็นใดที่ประเทศต่างๆจะร่วมมือกันทำงานไม่ได้ “ผ่านการปรึกษาหารือ”
“ ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าการประจันหน้ากันในรูปแบบของสงครามเย็น สงครามร้อน หรือสงครามการค้า จะไม่มีใครเป็นผู้ชนะ ” ประธานาธิบดีสีกล่าวและมีเสียงปรบมือให้เขา
แต่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวหลังผู้นำจีน ระบุว่าขณะที่มีการให้เกียรติประธานาธิบดีสีอย่างยิ่ง แต่สหรัฐฯ จะไม่มีการยอมจำนนในสงครามการค้ากับจีน จนกว่าจีนจะเปลี่ยนวิธีการ
“ จีนได้เปรียบสหรัฐฯมานานหลายปี และช่วงเวลาเหล่านั้นจบลงแล้ว ” เขากล่าวในการประชุมผู้นำโลก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีมาตรการภาษีมูลค่านับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้าจีน เพื่อเป็นการตอบโต้สิ่งที่เขามองว่าเป็นวิธีการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน
การเจรจาทางการค้าระหว่างสองประเทศจบลงด้วยความหวังว่าจะมีการแก้ไขสงครามการค้าที่ยกระดับขึ้น โดยปักกิ่งมีข้อเสนอเริ่มต้นให้กับทรัมป์เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯระบุว่า “สมบูรณ์แบบมาก”
แต่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนขยายวงกว้างนอกเหนือจากประเด็นเศรษฐกิจ เข้าไปสู่การเมืองและพื้นที่ทางการทหาร รวมทั้งการที่สหรัฐฯคัดค้านการยึดครองพื้นที่ทะเลจีนใต้ของจีน
ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันที่ 17 พ.ย. รองประธานาธิบดีเพนซ์ประกาศว่า สหรัฐฯจะสร้างฐานทัพในปาปัว นิวกินี ด้วยความร่วมมือกับออสเตรเลีย เพื่อปกป้องการดำรงอยู่ของกองทัพสหรัฐฯในเอเชียและแปซิฟิก
“ เราจะทำงานกับสองประเทศนี้เพื่อปกป้องอธิปไตย และสิทธิในน่านน้ำของหมู่เกาะแปซิฟิก ” เขากล่าว
ทั้งประธานาธิบดีสีและรองประธานาธิบดีเพนซ์ต่างส่งข้อความที่ผลักดันเพื่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับบรรดาผู้นำในประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งผู้นำจีนได้มีการพบกันตัวต่อตัวในระหว่างในระหว่างวันแรกที่มาถึงปาปัว นิวกินีเมื่อวันที่ 16 พ.ย.
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีสีระบุว่า “ โลกจำเป็นต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ ” มากกว่าที่จะวิจารณ์ทางเลือกภายในประเทศของประเทศอื่นๆ
“ เราควรปฏิเสธความหยิ่งทะนงและอคติ ให้เกียรติระหว่างกันอย่างครอบคลุม และโอบกอดความแตกต่างหลากหลายในโลกของเราเข้าด้วยกัน ”
คำกล่าวนี้มีขึ้นเนื่องจากปักกิ่งถูกวิจารณ์มากขึ้นจากหลายประเทศทั่วโลกในประเด็นที่รัฐบาลจีนมีการปราบปรามอย่างรุนแรงในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งมีรายงานล่าสุดว่า มีชาวมุสลิมอุยกูร์ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่อย่างน้อย 1 ล้านคนถูกกักขังใน ‘ค่ายให้การศึกษาใหม่’
โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศของจีนมีปฏิกิริยาไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อรายงานที่ว่า 15 นักการทูตตะวันตกในกรุงปักกิ่งกำลังเตรียมร่างจดหมายเรียกร้องให้มีการอธิบายเรื่องการปราบปรามของจีน
“ ดิฉันไม่ทราบว่า ทำไมพวกเขาถึงกังวลกับสถานการณ์ในซินเจียง ทำไมพวกเขาถึงมีข้อเรียกร้องที่กดดันจีนเช่นนี้ ? ดิฉันคิดว่าการกระทำเช่นนี้ไม่มีเหตุผลเอามากๆ ” หัวชุนหยิง โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าว.