ผู้นำอังกฤษสู้เพื่อเบร็กซิท
นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์แห่งสหราชอาณาจักรกล่าวปกป้องร่างแผนการถอนสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปของเธอ
โดยการแถลงข่าวภายในบ้านพักประจำตำแหน่งนายกฯ เลขที่ 10 ถนนดาวนิ่งเมื่อเย็นวันที่ 15 พ.ย. นายกฯเมย์ระบุว่า เธอ “ ไม่ตัดสินเพื่อนร่วมพรรคที่มีความเห็นต่างอย่างรุนแรง” ก่อนที่จะเสริมว่า “ ดิฉันต้องการให้เกียรติแก่ผลการลงประชามติ”
มีสมาชิกพรรอนุรักษ์นิยมอย่างน้อย 16 คนที่เรียกร้องให้มีการโหวตไม่เชื่อมั่นในตัวนายกฯเมย์ เนื่องจากไม่พอใจกับข้อเสนอของเธอที่จะให้ประเทศออกจากสภาพยุโรป จากแรงกดดันของคำวิจารณ์เหล่านั้น ผู้นำสหราชอาณาจักรระบุว่า ขณะที่มีสถานการณ์ที่ซับซ้อน ดีลที่เธอพยายามผลักดันให้รุดหน้าจะเป็นการปกป้องความมั่นคงของอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับสหราชอาณาจักร
นายกฯเมย์ระบุว่า บรรดาผู้นำในกรุงบรัสเซลส์ตระหนักว่า “ กระบวนการตัดสินใจได้มีขึ้นแล้ว” และรัฐบาลสหราชอาณาจักรกำลังทำงานร่วมกันกับสหภาพยุโรป
ช่วงเช้าของวันที่ 15 พ.ย. Jacob Reesmog ผู้ที่สนับสนุนเบร็กซิทได้ยื่นจดหมายไม่เชื่อมั่นในตัวนายกฯเมย์ต่อคณะกรรมการผู้ทรงอิทธิพล 1922 ซึ่งเป็นกลุ่มรัฐสภาของพรรคอนุรักษ์นิยม โดยคณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจที่จะหนุนการโหวตไม่เชื่อมั่นในตัวผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใดก็ได้ หากได้รับจดหมายถึง 15% ของจำนวนส.ส.ของพรรคอนุรักษ์นิยมทั้งหมด โดยในขณะนี้ ยังต้องการจดหมายอีก 48 ฉบับจึงจะดำเนินการได้
เมื่อถูกถามว่า เธอจะต่อสู้กับการท้าทายเรื่องตัวผู้นำพรรคหรือไม่ นายกฯเมย์ระบุว่า เธอจะยังคงมุ่งเน้นในงานของเธอ โดยเมย์เสริมว่า เธอยังไม่ได้ตั้งเลขาเบร็กซิทคนใหม่เพื่อเป็นผู้นำในการเจรจากับทางบรัสเซลล์ หลังการลาออกของ Dominic Raab เธอชี้ว่า Michael Gove รมว.กระทรวงสิ่งแวดล้อมอาจรับหน้าที่นี้ โดยนายกฯเมย์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า Gove ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในกระทรวงสิ่งแวดล้อม
ค่าเงินปอนด์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการแถลงข่าวของเธอ หลังจากก่อนหน้านี้ ค่าเงินปอนด์ดิ่งเหวเมื่อ Raab ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยเงินปอนด์ร่วงลงมาเท่ากับ 1.2833 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมประมาณ 1.2994 ดอลลาร์สหรัฐฯ และในเวลา 10.20 น. ค่าเงินปอนด์ก็ร่วงลงมาเกือบ 2% มาอยู่ที่ 1.2752 ดอลลาร์สหรัฐฯ
นายกฯ เมย์ยังได้ปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้มีการทำประชามติซ้ำอีกเป็นรอบที่ 2 และเธอย้ำชัดว่าสหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในวันที่ 29 มี.ค.ปีหน้า