แอปเปิลหนุนซัมซุงกำไรพุ่งทุบสถิติ
ซัมซุงมีศักยภาพที่จะทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสล่าสุด โดยได้อานิสงส์บางส่วนจากไอโฟนรุ่นใหม่ของแอปเปิล
ทั้งสองบริษัทเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ แข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ แต่ซัมซุงยังคงเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนสำคัญให้แอปเปิล
โดยซัมซุุง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้รายงานเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ว่า ตัวเลขคาดการณ์ของผลกำไรจากการดำเนินการจะอยู่ที่ 17.6 ล้านล้านวอน หรือราว 513,552 ล้านบาทในไตรมาสสิ้นสุดเดือนก.ย. เป็นกำไรที่สูงแบบก้าวกระโดดมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และถือเป็นรายได้ประจำไตรมาสสูงสุดของซัมซุงเท่าที่เคยมีมา
บริษัทยังไม่ได้ให้รายละเอียดในประเด็นนี้ แต่นักวิเคราะห์พร้อมที่จะคาดเดาต่อ กำไรที่พุ่งทะยานของซัมซุงมีแนวโน้มว่าจะเกิดจากยอดขายที่แข็งแกร่งของเมมโมรีชิปและรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากจอและธุรกิจสินค้าบริโภคอิเล็กทรอนิกส์ อ้างอิงจาก SK Kim นักวิเคราะห์ประจำธนาคารเพื่อการลงทุน Daiwa Capital Markets
โดยมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นจากจอดิสเพลย์ของซัมซุงได้แรงหนุนสำคัญจากยอดขายของไอโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งส่งผลดันรายได้ของซัมซุงให้เพิ่ม Kim ระบุ อย่างไรก็ตาม ยังมีนักวิเคราะห์หลายคนที่ข้องใจแและตั้งคำถามว่า ตัวเลขกำไรของซัมซุงจะพุ่งสูงได้เช่นนี้ตลอดไปหรือไม่
นักวิเคราะห์เตือนเกี่ยวกับดีมานด์ที่ชะลอตัวลง และราคาที่ลดลงของเมมโมรีชิป ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำให้บริษัทมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์มานานถึง 1 ปี
แม้ตัวเลขคาดการณ์รายได้ของซัมซุงจะเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทจะรายงานยอดขายสมาร์ทโฟนที่น่าผิดหวังในไตรมาส 3 แม้จะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่อย่าง Note 9 ไปแล้วเมื่อเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ซัมซุง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก จะรายงานรายได้ต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้
โดยคลื่นความร้อนที่ส่งผลให้อากาศร้อนจัดในช่วงฤดูร้อนของเกาหลีใต้ปีนี้ช่วยกระตุ้นยอดขายเครื่องปรับอากาศสำหรับฝ่ายสินค้าบริโภคอิเล็กทรอนิกส์ของซัมซุง อ้างอิงจากความเห็นของคิม
หุ้นซัมซุงปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงบ่ายของการซื้อขายในตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค. โดยตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงตอนนี้ หุ้นของบริษัทซัมซุงปรับร่วงลงมาประมาณ 12% โดยหุ้นที่ลดลงเกิดจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับดีมานด์ในอนาคตของเมมโมรีชิปว่าจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไปหรือไม่.